ยูเครนกล่าวหารัสเซียเล็งเป้าหมายพลเรือน ไม่เว้นโรงพยาบาล-โรงเรียน

ความเสียหายในกรุงเคียฟ REUTERS/Oleg Pereverzev

รองนายกรัฐมนตรียูเครนเผยว่า รัสเซียกำลังโจมตีเป้าหมายพลเรือนในยูเครน ซึ่งรวมถึงโรงพยาบาล สถานรับเลี้ยงเด็ก และโรงเรียน

วันที่ 7 มีนาคม 2565 โอลฮา สเตฟานิชินา รองนายกรัฐมนตรียูเครน เผยกับบีบีซีว่า ภายหลังการต้านทานอย่างเข้มแข็งจากกองทัพยูเครน รัสเซียได้จัดปฏิบัติการครั้งใหญ่กับพลเรือน

เฉพาะวันอาทิตย์เพียงวันเดียว ครอบครัวที่มีสมาชิกทั้งหมดสี่คนเสียชีวิต ระหว่างที่รัสเซียยิงปืนใส่ผู้คนที่กำลังหลบหนีจากความขัดแย้งในเมืองแอร์พิน ขณะที่ในเมืองท่ามาริอูพอล ต้องยกเลิกการอพยพครั้งใหญ่

เป็นวันที่ 5 แล้ว ที่เมืองมาริอูพอลไม่มีน้ำและไฟใช้ ส่วนอาหารและน้ำก็กำลังหมดลงอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม ทางสภาเทศบาลเมืองระบุว่า แผนการนำพลเรือนไปยังสถานที่ปลอดภัยได้ถูกยกเลิกเป็นวันที่ 2 แล้ว เพราะมีอุปสรรคจากรัสเซียที่ระดมยิงเข้ามา ขณะที่รัสเซียอ้างว่าเป็นการยิงจากฝั่งยูเครน

องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยด้วยว่า สถานพยาบาลต่าง ๆ ถูกโจมตี โดย “เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส” ผู้อำนวยการใหญ่ WHO กล่าวว่า สถานการณ์นี้ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก

รัฐบาลอังกฤษกล่าวหาว่ารัสเซียเล็งเป้าหมายไปยังพื้นที่ที่มีประชากรในหลายพื้นที่ พร้อมระบุว่า รัสเซียเคยใช้กลยุทธ์ลักษณะเดียวกันนี้ในเชชเนียเมื่อปี 2542 และซีเรียเมื่อปี 2559

เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ผู้สังเกตการณ์ขององค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า มีพลเรือน 364 รายในยูเครน ที่ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตแล้ว นับตั้งแต่รัสเซียบุกเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่ตัวเลขผู้เสียชีวิตที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก

UNGCR เผยว่า ผู้คนมากกว่า 1.5 ล้านคนได้หลบหนีออกมาจากยูเครน ตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุก

อย่างไรก็ตาม รัสเซียปฏิเสธการพุ่งเป้าโจมตีไปที่พลเรือน โดยระบุว่ากำลังดำเนินการปฏิบัติการพิเศษทางทหารต่อกลุ่มชาตินิยมและนีโอนาซีในยูเครน

รองนายกรัฐมนตรียูเครน ที่ให้สัมภาษณ์กับบีบีซี กล่าวหายุทธวิธีทางทหารที่รัสเซียใช้ตามเมืองต่าง ๆ ของยูเครน เป็นแผนก่อการร้าย ซึ่งจะมีการโจมตีทางอากาศและทางบกด้วย

“โรงพยาบาล โรงเรียน และครัวเรือน ถูกโจมตีด้วยกระสุนปืนใหญ่ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง”

เธอกล่าวด้วยว่า ยูเครนกำลังจะได้เห็นการดำเนินการตามแผนก่อการร้ายของรัสเซียอีกระลอกหนึ่ง

เธอยังอ้างด้วยว่า รัสเซียกำลังเผชิญความสูญเสียอย่างมหาศาลทั้งทางทหารและยุทโธปกรณ์ แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อรัสเซียเลย

“มันแค่ส่งเสริมให้เกิดความก้าวร้าวมากขึ้นเท่านั้น” เธอกล่าว

ครอบครัวที่เสียชีวิตสี่รายในเมืองแอร์พิน ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเคียฟ เสียชีวิตระหว่างกระสุนปืนใหญ่ของรัสเซียพุ่งเป้าไปที่สะพานแห่งหนึ่ง ซึ่งผู้คนกำลังใช้หลบหนีจากความรุนแรง

การโจมตีพลเรือนและสิ่งปลูกสร้างต่าง ๆ ของพลเรือน เช่น โรงเรียน และโรงพยาบาล ถือเป็นการขัดต่ออนุสัญญาเจนีวา ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ตกลงกันโดยทุกประเทศที่มีบทบาทในการควบคุมสงคราม

WHO และองค์กรพัฒนาเอกชนอื่น ๆ ยังรายงานตรงกันเกี่ยวกับการโจมตีที่พุ่งเป้าหมายไปที่พลเรือนครั้งนี้

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล รายงานว่า ได้ตรวจสอบพบการโจมตีหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงระเบิดลูกปราย ที่ถล่มใส่โรงเรียนอนุบาลและสถานรับเลี้ยงเด็ก รวมถึงขีปนาวุธที่โจมตีโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง