ลาจากฮ่องกงแล้ว จัมโบ้ ภัตตาคารลอยน้ำ ขาดทุน-ต้องทิ้งตำนานครึ่งศตวรรษ

จัมโบ้ ภัตตาคารลอยน้ำ แม้เคยเป็นแลนด์มาร์กและสัญลักษณ์ไลฟ์สไตล์ที่หรูหราของฮ่องกง แต่เจอพิษขาดทุน ซ้ำด้วยสถานการณ์โควิด ต้องทิ้งตำนาน 46 ปี ออกจากอ่าวไปในที่สุด

วันที่ 14 มิถุนายน 2565 สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า ภัตตาคารลอยน้ำ “จัมโบ้” (Jumbo Floating Restaurant) ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ถูกลากออกจากท่าเรืออเบอร์ดีนของฮ่องกงแล้ว หลังจากเทียบท่าสร้างตำนานมาเกือบครึ่งศตวรรษ เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ทั้งของฮ่องกงและฮอลลีวูดมาหลายเรื่อง

• นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
• เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
• ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเล็ต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด

เรือใหญ่ยักษ์ลำนี้ออกแบบให้เหมือนพระราชวังในยุคราชวงศ์ของจีน มีความยาว 76 เมตร บรรทุกผู้มากินอาหารค่ำได้ 2,300 คน เคยเป็นแลนด์มาร์กสำหรับคนมาเที่ยวฮ่องกงต้องได้มาเห็นกับตา เคยเป็นสถานที่รับรอง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ รวมถึงซูเปอร์สตาร์ ทอม ครูซ และกง ลี่ หรือแม้กระทั่งเป็นฉากภาพยนตร์ Contagion ของสตีเวน โซเดอร์เบิร์ก ที่เกี่ยวกับโรคระบาดทั่วโลก

 

แต่กิจการไปต่อไม่ไหว เมื่อภัตตาคารหรูหราต้องปิดบริการช่วงโควิดระบาด ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ซ้ำเติมสถานการณ์การเงินที่ไม่สู้ดี และไม่ทำกำไรมาตั้งแต่ปี 2556 ยอดขาดทุนสะสมสูงกว่า 100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 445 ล้านบาท

บริษัท เมลโก อินเตอร์เนชั่นแนล ดีเวลล็อปเมนต์ แจ้งเมื่อเดือนก่อนว่า ใบอนุญาตจอดเรือหมดอายุลงในเดือน มิ.ย.นี้ จึงต้องย้ายไปท่าเรือที่เหมาะสมและรอผู้บริหารใหม่ต่อไป โดยไม่ได้เปิดเผยว่าเป็นที่ใด

กระทั่งช่วงก่อนเที่ยงวันอังคารที่ 14 มิ.ย. เรือเดินทางออกจากเกาะทางใต้ของฮ่องกง โดยมีชาวฮ่องกงมาส่งที่ท่าเรืออเบอร์ดีนและถ่ายรูปเป็นที่ระลึก

นายหว่อง วัย 60 ปี ที่มายืนส่งเรือจัมโบ้ ให้สัมภาษณ์ว่า เรือลำนี้เป็นสัญลักษณ์ของฮ่องกงมาหลายปี แม้ว่าเขาเองเคยเข้าไปกินอาหารที่เรือเพียงครั้งเดียวเมื่อ 20 ปีก่อน หวังแต่ว่าเรือจะกลับมาอีก

การจากไปครั้งนี้ตอกย้ำว่า ฮ่องกงไม่มีท่าเรือที่จะรองรับและบำรุงรักษาเรือที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่เป็นประจำได้ โดยเฉพาะเมื่อได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดระลอกที่ 5

เมื่อปีก่อน นางแคร์รี หล่ำ หัวหน้าคณะบริหารเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เคยประกาศนโยบายจะปรับเกาะทางใต้ของฮ่องกงให้เป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาสำหรับคนทำงาน และเป็นแหล่งที่พักอาศัย  พร้อมจะโอนกิจการเรือจัมโบ้ให้สวนโอเชียนพาร์คฟื้นฟู แต่สุดท้ายหาบริษัทผู้รับจัดการไม่ได้

กระทั่งเมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของแคร์รี หล่ำ สิ้นสุดลง ชะตาของเรือจัมโบ้ ก็ต้องจากไปในเวลาใกล้เคียงกัน

ภัตตาคารลอยน้ำ เปิดบริการตั้งแต่ปี 2519 โดยมหาเศรษฐี สแตนลีย์ โฮ เจ้าพ่อมาเก๊า ซึ่งสร้างให้เป็นเรือหรูหราอลังการสไตล์ราชวงศ์หมิง ด้วยทุนสร้างเกิน 30 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 135 ล้านบาท

เรือจอดเทียบท่าอยู่ที่อ่าวอเบอร์ดีน ภัตตาคารขึ้นชื่อเรื่องเสิร์ฟอาหารทะเล เคยแข่งขันแย่งชิงลูกค้าอย่างดุเดือดกับภัตตาคารลอยน้ำไท่พัก Tai Pak Floating Restaurant ช่วงยุค 1980 ขณะที่เรือจัมโบ้ได้รับความนิยมมากในช่วงฺฮ่องกงบูมอุตสาหกรรมท่องเที่ยว

แต่ต่อมาความนิยมเริ่มลดน้อยถอยลงไปตั้งแต่ก่อนเกิดโรคระบาดโควิด บริษัทเมลโกเผยว่า การบำรุงรักษาเรือต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อปี เพื่อบำรุงรักษาภัตตาคารให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตามข้อกำหนด

สภาพทรุดโทรมของเรือเผยให้เห็นชัดเมื่อวันที่ 1 มิ.ย. เมื่อส่วนครัวของภัตตาคารหลุดออกมาพลิกเกือบจะ 90 องศา เรือจึงต้องทิ้งส่วนที่พังนี้ไว้ ก่อนล่องออกไปจากฮ่องกง

• ไปต่อไม่ไหว ปิดตำนาน จัมโบ้ ภัตตาคารลอยน้ำ ใหญ่สุดในโลก คู่ฮ่องกง