ภัตตาตารลอยน้ำ ใหญ่ที่สุดในโลก เคยปิดไปชั่วคราวช่วงโควิดระบาด แต่ตอนนี้จะปิดถาวรแล้ว เพราะอ่วมพิษผลกระทบทางเศรษฐกิจจนไปต่อไม่ได้แล้ว
วันที่ 31 พฤษภาคม 2565 เซาท์ไขน่ามอร์นิงโพสต์ รายงานว่า ภัตตาคารลอยน้ำ “จัมโบ้” จะล่องออกจากท่าเรืออเบอร์ดีนในเดือนมิถุนายนนี้ หลังจากเทียบท่านานกว่า 4 ทศวรรษ
บริษัทอเบอร์ดีน เรสเตอรอง เอ็นเตอร์ไพรส์ ชี้แจงว่าใบอนุญาตจอดเรือจะหมดอายุเดือนหน้าและกำลังหาท่าเรือที่เหมาะสมสำหรับภัตตาคารลอยน้ำต่อไป สะท้อนให้เห็นว่าในปัจจุบัน ฮ่องกงไม่มีท่าเรือที่จะรองรับและบำรุงรักษาโครงสร้างขนาดใหญ่เป็นประจำได้
บริษัทกล่าวว่าภาคส่วนต่างๆ ในฮ่องกงได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิดระลอกที่ 5 บริษัทจึงเห็นว่าภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้จะกลับมาทำธุรกิจในอนาคตอันใกล้นี้ยังไม่ได้
ด้านหล่อ กิ่น เฮ ส.ส.จากพรรคเดโมเครติกซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านและอดีตประธานสภาเขตตอนใต้แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อการตัดสินใจของบริษัทเพราะจัมโบ้เป็นความทรงจำของชาวฮ่องกง มีคุณค่าทั้งด้านการอนุรักษ์วัฒนธรรมและเป็นมรดก
พร้อมทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเข้าแทรกแซงทันที ก่อนที่สถานที่หนึ่งเดียวในโลกและเป็นเอกลักษณ์ของฮ่องกงจะสูญหายไปโดยขอให้รัฐบาลจ่ายค่าบำรุงรักษาหรือยกเว้นการจ่ายค่าบำรุงจากข้อกำหนดการออกใบอนุญาต
ขณะเดียวกันยังทวงคำสัญญาจากผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงว่าร้านอาหารลอยน้ำจะได้กับการฟื้นฟู แต่เหตุใดจึงจบลงเช่นนี้
ร้านอาหารจัมโบ้เดิมเคยระงับการให้บริการเมื่อเดือน มี.ค. 2563 หลังจากขาดทุนหลายปี ก่อนที่จะบริจาคให้กับโอเชียน พาร์ค ซึ่แครี หล่ำ ผู้ว่าการเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเคยกล่าวไว้ในปีเดียวกันว่ามีนโยบายเติมพลังให้ทางใต้ของเกาะมุ่งเปลี่ยนแปลงให้เป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาสำหรับคนทำงาน พักอาศัยและสำรวจ
ส่วนร้านจัมโบ้จะสานต่อลมหายใจ หลังจากเจ้าของบริจาคให้กับสวนสนุก รัฐบาลจะอำนวยความสะดวกในการทำงานร่วมกันระหว่างสวนสนุกและองค์กรพัฒนาเอกชนเพื่อชุบชีวิตร้านอาหารลอยน้ำโดยไม่มุ่งแสวงหาผลกำไรและเปลี่ยนให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมและสถานที่ท่องเที่ยว
แต่จนถึงขณะนี้ สวนสนุกโอเชียน พาร์คกล่าวว่า หาผู้ร่วมกิจการฝ่ายที่ 3 เพื่อเปิดร้านอาหารไม่ได้
ผู้ดำเนินกิจการเปิดเผยว่าเสนอที่จะบริจาคภัตตาคารให้กับบริษัทจัดเลี้ยงและองค์กรต่างๆ กว่า 10 แห่ง แต่ไม่มีที่ไหนรับไว้เพราะเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย
ขณะที่พอล ซิมเมอร์แมน สมาชิกสภาเขตทางใต้กล่าวว่ารัฐบาลจำเป็นต้องปล่อยเงินกู้แก่โอเชียน พาร์คเพื่อดำเนินธุรกิจร้านอาหารลอยน้ำจัมโบ้ หรือต้องผ่อนคลายมาตรการการป้องกันการระบาดของโควิดและเปิดการท่องเที่ยวเผื่อบริษัทใดสนใจอยากจะรับช่วงกิจการจัมโบ้
ด้านบริษัทกล่าวว่าต้องใช้เงินหลายล้านดอลลาร์ฮ่องกงต่อปีเพื่อบำรุงรักษาภัตตาคารให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ตามข้อกำหนดและตัดสินใจส่งร้านอาหารลอยน้ำไปซ่อมแซมและเก็บรักษาจนกว่าจะมีอัศวินขี่ม้าขาวมาหาทางออกให้กับร้านจัมโบ้
ร้านอาหารลอยน้ำเปิดตัวครั้งแรกที่ท่าเรืออเบอร์ดีนหลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานนัก
วันที่ 30 ต.ค. 2514 เกิดไฟไหม้ร้านจัมโบ้ ก่อนถึงเวลาเปิดให้บริการ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 34 รายและบาดเจ็บ 42 คน ในที่สุดสแตนลีย์ โฮ ก็เปิดให้บริการในปี 2519 ซึ่งแต่เดิมตกแต่งสไตล์พระราชวังจีนโบราณและต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 30 ล้านคน รวมทั้ง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทอม ครูซและกง ลี่