เมื่อความยั่งยืน คือ แนวทางแห่งอนาคต เพราะเราทุกคนต่างทราบกันดีว่า โลกไม่ได้แค่เผชิญหน้ากับภาวะโลกร้อนอีกต่อไป แต่กำลังก้าวสู่ยุคโลกเดือด ที่มี Climate Change เป็นตัวจุดชนวนอย่างที่หลายคนรู้กัน Sustainability Expo 2023 หรือ SX 2023 มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ภายใต้การผนึกกำลังจาก 5 องค์กรธุรกิจต้นแบบความยั่งยืนระดับโลก ได้แก่ บจก. เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้, บมจ. พีทีที โกลบอล เคมิคอล (GC), บมจ. ปูนซิเมนต์ไทย (SCG), บมจ. ไทยเบฟเวอเรจ และ บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป พร้อมด้วยองค์กรกว่า 100 องค์กรพันธมิตรชั้นนำ และอีก 500 เครือข่ายระดับโลก เปิดพื้นที่เชิญชวนผู้มีส่วนได้เสียทุกคนร่วมปรับพฤติกรรมเปลี่ยนโลกเดินหน้าสู่เป้าหมายความยั่งยืนที่ทุกคนร่วมกำหนดทิศทางได้
SX 2023 จัดเต็มสาระความรู้ ปรัชญาใช้ชีวิต การดูแลสิ่งแวดล้อม อาหารร้านเด็ด พร้อมเปิดโลกทัศน์รับประสบการณ์และมุมมองสู่ความยั่งยืนครบทุกมิติ ภายใต้แนวคิด พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก (Sufficiency for Sustainability) ด้วยการเนรมิตพื้นที่กว่า 70,000 ตารางเมตร ให้เป็นพื้นที่กิจกรรม พูดคุย และแลกเปลี่ยนเรื่องความยั่งยืน โดยแบ่งเป็นโซนต่างๆ ทั้ง โซน SEP Inspiration เรื่องราวที่เกี่ยวกับปรัชญา นโยบายต่างๆ Better Me ทำอย่างไรให้มีสุขภาพที่ดี มีการเรียนรู้ตลอดชีวิต และใช้ชีวิตวัยเกษียณอย่างมีคุณภาพ Better Living การอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน Better Community การอยู่ร่วมในสังคมที่ดีสำหรับทุกคน Better World รับรู้ถึงนโยบายระดับโลก และศิลปะที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน
ต่อเนื่องกับโซน SX Food Festival เทศกาลอาหารเพื่อโลกจากเชฟชื่อดัง SX Marketplace พาชอปสินค้างานคราฟโดนใจเพื่อชุมชนและสังคม และโซน SX Kids ชวนน้องๆ มาสนุกกับการเรียนรู้และความน่าฉงนของโลกแห่งแมลงตัวจิ๋วกับบทบาทที่สำคัญต่อโลกที่ยั่งยืนใบนี้
Better Community คอมมูนิตี้ทุกการเชื่อมโยง
ความพิเศษของโซน Better Community ที่เปิดพื้นที่ชั้น G ของศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ระหว่างวันที่ 2-8 ตุลาคม 2566 เป็นพื้นที่แห่งการเชื่อมโยงคน เชื่อมโยงความหลากหลายของสังคมผ่านการเล่าเรื่องราวสังคมเมืองจำลองขึ้นมา เพื่อนำเสนอไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบที่ฝันในมุมของการแบ่งปัน ช่วยเหลือกันและกัน เกิดเป็นคอมมูนิตี้และการเชื่อมเครือข่ายของการสร้างความปกติสุขให้เกิดขึ้น
ภายใต้การขับเคลื่อนเพื่อการเชื่อมโยงคนและสังคมที่หลากหลายเข้าด้วยกันนี้ ภายในโซน Better Community จะถ่ายทอดข้อคิด แนวทางภายในเรื่องราวแต่ละมุมมองที่แตกต่างกันไป ยกตัวอย่างที่เห็นได้ชัด 5 ข้อ คือ
- ที่อยู่อาศัยเพื่อคนกลุ่มต่างๆ
- การสร้างพื้นที่สีเขียวในเมืองที่สามารถใช้ประโยชน์ร่วมกัน การปรับเมืองเพื่อการใช้ชีวิตของคนและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ
- การแก้ปัญหาคนไร้สัญชาติ เปิดตลาดงานเพื่อโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของแต่ละคน
- การนำเสนอแนวทางปรับเปลี่ยนนิสัยในการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อสอดประสานกับสังคมและโลก โดยเฉพาะความรับผิดชอบต่อสังคม ที่มีการรวมตัวกัน การสืบสาน รักษา ต่อยอด มรดกทางวัฒนธรรม ให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
- ต้นแบบของการพัฒนาชุมชนเพื่อความยั่งยืน ทั้งชุมชน เมือง และภูมิภาค
อัปเกรดทุกการใช้ชีวิต สู่ Better Life
พื้นที่ของการเชื่อมโยง อัปเกรดคุณภาพชีวิต สู่การใช้ชีวิตแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน บนพื้นที่โซน Better Community ยังรังสรรค์สเปซเพื่อโชว์ แลกเปลี่ยนทุกองค์ความรู้ นวัตวิถีการใช้ชีวิตให้น่าอยู่ ปลอดภัย และยั่งยืน ด้วยนิทรรศการสร้างเมืองน่าอยู่ร่วมกันเพื่อคุณภาพชีวิตของทุกคน (Livable City For Everyone) โดยแบ่งออกเป็น 6 ส่วน คือ ออกแบบพื้นที่พลังงานสะอาดโดยชุมชน และการท่องเที่ยวชุมชน บนสเปซพื้นที่ที่ทุกคนมีส่วนร่วม โอกาสงานที่หลากหลาย เชื่อมคู่คนกับงาน ชูโมเดลการตลาด จากหนังสู่การจ้างงาน ออกแบบบ้านเพื่อครอบครัว ให้เหมาะสำหรับทุกคนอย่างเท่าเทียม เป็นบ้านสำหรับทุกคน และเป็นพื้นที่ของทุกชีวิต พร้อมขยายจากบ้านสู่เมืองที่เชื่อมทุกชีวิตเข้าด้วยกัน
โซน Better Community ยังมีอีกหลากหลายกิจกรรมน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเวทีเสวนาจัดเต็มมุมมองคนทำจริง หาคำตอบสู่สังคม และโลกที่ยั่งยืนจากกูรูในแวดวงต่างๆ ในประเด็นเกี่ยวกับเมืองและบ้านเพื่อทุกคนอย่างเท่าเทียม เป้าหมายเพื่อเชื่อมทุกเครือข่ายเข้าสู่ชีวิตที่ดีกว่า นอกจากนั้นยังขนนวัตกรรมทันสมัยจากหน่วยงานและธุรกิจที่เป็นต้นแบบด้านความยั่งยืน ด้วยการโฟกัสไปที่การดำเนินธุรกิจเพื่อสังคม เศรษฐกิจฐานราก การเฟ้นหาสุดยอดธุรกิจเพื่อการแบ่งปัน การเงินเพื่อสังคม จากตัวแทนองค์กรธุรกิจและภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น สมาคมธุรกิจเพื่อสังคม, สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจเพื่อสังคม (สวส.), สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.), รายการ Win Win WAR, ธนาคารออมสิน, ธนาคารกรุงเทพ, มิตรผล, SCG รวมถึงเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย
ภายในโซนเดียวกันยังมีการจัดพื้นที่นำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงทางสภาพอากาศ โดยไฮไลต์อยู่ที่การโชว์ผลิตภัณฑ์จากโครงการผ้าขาวม้าท้องถิ่นหัตถศิลป์ไทย ซึ่งเป็นโครงการที่ผลักดันให้เกิดการพัฒนาคุณภาพและสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผ้าขาวม้าทอมือ มีการนำเสนอเรื่องราวชนเผ่าเมารี ชนเผ่าดั้งเดิมของนิวซีแลนด์ที่มีการผลักดันเพื่อให้เกิดการอนุรักษ์ธรรมชาติ นอกจากนั้นได้ยกความหลากหลายของนวัตกรรมเพื่อความยั่งยืนและชีวิตที่ดี การนำเทคโนโลยีด้านข้อมูลที่หลากหลายมาเพื่อบริหารจัดการทรัพยากรอย่างเหมาะสมเพื่อมุ่งสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
พบกับทุกการเชื่อมโยงของทุกชีวิตและสังคมในมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SX 2023 ที่จะเปลี่ยนชีวิตที่ดีกว่าเดิม โซน Food Festival โซน SX Marketplace และโซน SX Kids Zone เริ่ม 29 กันยายน – 8 ตุลาคม 2566 และ 5 โซนนิทรรศการ เริ่ม 2 – 8 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00-20.00 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์