ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร : “ผมเหมือนผูกระเบิดติดตัว…หากทำแบบนี้แล้ว ลูกน้อง…มีความสุข ผมก็มีความสุข”

ชื่อของ ชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร กลับมาอยู่ในความสนใจของสาธารณชนอีกครั้ง เมื่อสื่อหลายแห่งรายงานว่า เขาคือผู้แจ้งเบาะแสกล่าวหาการทุจริตจนนำไปสู่การบุกจับกุมอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ขณะเป็นประธานการประชุมข้าราชการของกรมเมื่อช่วงเช้าของ 27 ธ.ค.

สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานตรงกันว่า นายชัยวัฒน์ อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) เพื่อแจ้งเอาผิดนายรัชฎา สุริยกุล ณ อยุธยา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวหานายรัชฎา ว่ามีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม กลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้น จำนวน 500,000 บาท ไปยังตำแหน่งอื่น ๆ ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาหรือที่พักอาศัย

นายชัยวัฒน์ เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจว่า เขาได้ยื่นเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเมื่อ 5 เดือนที่ผ่านมา และ ป.ป.ช.ได้เรียกเข้าไปให้ข้อมูลพร้อมกับแจ้งว่า มีผู้ร้องเรียนเกี่ยวกับการเรียกรับสินบนอีกหลายคน ซึ่ง ป.ป.ช. ได้ประสานงานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินการจับกุม และนำเงินที่ใช้ในการจ่ายสินบน มาลงบันทึกประจำวัน

“ได้เข้าไปพบพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อแจ้งเอาผิด นายรัชฎา ว่ามีพฤติกรรมใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม เรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนาม ซึ่งหลังจากบก.ปปป. รับเรื่อง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และเป็นที่มาของการเชิญตัวมาแจ้งข้อกล่าวหา”

นายชัยวัฒน์ กล่าวกับ มติชน ในวันเดียวกันว่า สาเหตุที่เข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งเอาผิดนายรัชฎา เพราะพบเห็นพฤติกรรมการใช้อำนาจหน้าที่ในทางไม่เหมาะสม กลั่นแกล้งโยกย้ายตำแหน่งเจ้าหน้าที่ ที่ไม่ยอมจ่ายเงินวิ่งเต้น โยกย้ายไปทำงานในยังตำแหน่งอื่น ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนาหรือที่พักอาศัย ทำให้ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของครอบครัว ทำให้สถาบันครอบครัวของเจ้าหน้าที่คนนั้นแตกแยก ทำให้เจ้าหน้าที่คนนั้นจำเป็นต้องวิ่งเต้นหาเงินมาเพื่อทำให้ตัวเองไม่โดนย้าย มีการเรียกจ่ายค่ารักษาตำแหน่งรายเดือน ถ้าไม่จ่ายก็จะโดนโยกย้ายไปที่อื่น อีกทั้งยังพบว่า มีการเรียกรับสินบนในการวิ่งเต้นเลื่อนตำแหน่งหน้าที่การทำงานรายบุคคล ครั้งละ 200,000-300,000 บาท

“ผมเหมือนผูกระเบิดติดตัว พลีชีพอะ แต่ทำอย่างนี้แล้ว… ลูกน้องอีกหลายร้อยครอบครัวมีความสุข…ผมก็มีความสุข”

เกิดอะไรขึ้นที่ กรมอุทยานฯ

เมื่อช่วงเช้าของ 27 ธ.ค. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. นำกำลังไปที่อาคารสืบนาคะเสถียร กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เพื่อเชิญตัวนายรัชฎามาแจ้งข้อกล่าวหาในความผิดฐาน “เป็นเจ้าพนักงานสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือ ประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเอง เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งโดย ไม่ชอบด้วยหน้าที่ และเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยทุจริต”

ในช่วงบ่ายที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. นายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ร่วมกันแถลงว่า ป.ป.ช. ได้รับแจ้งเบาะแสว่า นายรัชฎาได้เรียกเก็บเงินจากหัวหน้าหน่วยงานภาคสนามทั่วประเทศ หากหัวหน้าหน่วยงานต่าง ๆ ที่ถูกเรียกเก็บไม่สามารถนำเงินมาจ่ายให้แก่อธิบดี ก็จะถูกโยกย้ายออกจากตำแหน่งเดิม และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในพื้นที่ที่ห่างไกลจากภูมิลำเนา เจ้าหน้าที่เหล่านี้จึงต้องจ่ายเงินให้กับอธิบดี เพื่อไม่ให้ตนเองถูกโยกย้าย รายละประมาณ 200,000-300,000 บาท นอกจากนี้ อธิบดียังได้เรียกเก็บเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นรายเดือน เพิ่มเติมจากที่เรียกเก็บในอัตราดังกล่าวอีกด้วย

เมื่อ 26 ธ.ค. เจ้าหน้าที่สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ สำนักงาน ป.ป.ช. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก. ปปป. ได้ดำเนินการวางแผนเข้าจับกุมอธิบดี โดยนัดหมายส่งมอบเงินซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานไว้แล้วจำนวน 98,000 บาท ให้แก่อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในวันที่ 27 เวลา 09.00 น. ณ ห้องทำงานของอธิบดี

จากนั้นประมาณ 09.10 น. ของวันที่ 27 เจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. และตำรวจ บก. ปปป. ได้นำเงินสดจำนวน 98,000 บาท ที่ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วไปส่งมอบให้กับผู้เสียหาย เพื่อนำไปมอบให้แก่อธิบดี โดยมีเจ้าหน้าที่ของทั้งสองหน่วยงานวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ

เมื่อได้ส่งมอบเงินแก่อธิบดีแล้ว เจ้าหน้าที่จึงได้เข้าไปยังห้องทำงานของอธิบดี ซึ่งเป็นจุดส่งมอบเงินในทันที พร้อมแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมผู้ต้องหา โดยได้ตรวจค้นพบว่ามีเงินสดจำนวน 98,000 บาท วางอยู่บนโต๊ะทำงาน นอกจากนี้ ยังพบของกลางเป็นเงินสดอีกจำนวนเกือบ 5 ล้านบาท อยู่ในบริเวณห้องดังกล่าว สอบถามแล้วบุคคลดังกล่าวอ้างว่า ตนไม่ทราบเรื่องที่มีการเรียกรับเงินจากผู้ใต้บังคับบัญชา เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเงินสดจำนวน 98,000 บาท ดังกล่าวต่อหน้าผู้ต้องหา พบว่า หมายเลขธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ต้องหาทราบว่า เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงาน เรียกรับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือ ไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 หรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบเบื้องต้นในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ โดยพนักงานสอบสวน บก. ปปป. จะได้สอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อนำส่งสำนวนให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาตามกฎหมายต่อไป

ไม่รับของขวัญ

ก่อนหน้านี้ เมื่อ 15 มี.ค. นายรัชฎา ได้ประกาศนโยบายการไม่รับของขวัญและของกำนัลทุกชนิดจากการปฏิบัติหน้าที่ (No Gift Policy) กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เป็นหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการอนุรักษ์ ส่งเสริม และฟื้นฟู ทรัพยากรป่าไม้ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ในเขตพื้นที่ป่าเพื่อการอนุรักษ์ โดยการควบคุมป้องกัน พื้นที่ป่าอนุรักษ์ เดิมที่มีอยู่ และพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมให้กลับสมบูรณ์ ด้วยกลยุทธ์การส่งเสริม กระตุ้นและปลุกจิตสำนึกให้ชุมชน มีความรู้สึกหวงแหน และการมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรท้องถิ่น เพื่อเป็นการรักษาสมดุลของระบบนิเวศ และสิ่งแวดล้อม ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพ สำหรับเป็นแหล่งต้นน้ำลำธาร แหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า แหล่งอาหาร แหล่งนันทนาการ และการท่องเที่ยวทางธรรมชาติของประชาชน

https://www.facebook.com/prhotnews02/posts/2920112344800899

การเมืองภายใน ?

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีการจับกุมนายรัชฎาว่า เมื่อทราบข่าว “ก็ตกใจพอสมควร” ยังไม่ทราบรายละเอียด จะรอให้ปลัดกระทรวง ทส. รายงาน และปฏิเสธที่จะตอบคำถามของผู้สื่อข่าวว่า เรื่องนี้เป็นการเมืองภายในองค์กรหรือไม่

“ขอให้ว่าตามเนื้อผ้า” นายวราวุธกล่าว ส่วนเรื่องการซื้อขายตำแหน่งนั้น นายวราวุธกล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง นโยบายที่ย้ำกับผู้บริหารกระทรวงเกี่ยวกับเรื่องตำแหน่ง ขอให้ดำเนินการโดยสุจริต แต่พอเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา จึงได้ให้ปลัดกระทรวง ทส. ย้ำกับข้าราชการอีกครั้งเรื่องความโปร่งใส และไม่ให้มีการซื้อขายตำแหน่ง

ผู้ต้องหาคดี “ฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อน”

เมื่อ 5 ก.ย. ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางรับฟ้องและให้ประกันตัวนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร และพวกอีก 4 คน เป็นวงเงินคนละ 800,000 บาท ในคดีฆาตกรรมบิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ มีเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ เว้นแต่ศาลอนุญาต และห้ามยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษไม่ได้คัดค้านการประกันตัวแต่อย่างใด

คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้แจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม นายชัยวัฒน์  ลิ้มลิขิตอักษร กับพวกรวม 4 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเอง” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 309 เมื่อวันพุธที่ 31 ส.ค. ณ กองคดีความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และส่งผลการสอบสวนเพิ่มเติมไปยังพนักงานอัยการแล้วเมื่อ1 ก.ย.ข้อหาที่ถูกสั่งฟ้อง

5 ข้อหา

ดีเอสไอยื่นฟ้อง 5 ข้อหานายชัยวัฒน์ และพวกอีก 4 คน ประกอบด้วย

  • ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
  • ร่วมกันโดยมีอาวุธข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใดหรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่า จะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจ
  • ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย เป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย
  • ร่วมกันโดยทุจริตหรืออำพรางคดีกระทำการใด ๆ แก่ศพหรือสภาพแวดล้อมในบริเวณที่พบศพ ก่อนการชันสูตรพลิกศพเสร็จสิ้นในประการที่น่าจะทำให้การชันสูตรพลิกศพหรือผลทางคดีเปลี่ยนแปลงไป
  • เจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ย้อนรอยการหายตัวของบิลลี่

ย้อนจากชาวบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ชาวปกาเกอะญอที่อยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่ป่า อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มาก่อนการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจานเมื่อปี 2524

นับจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติเป็นต้นมา พวกเขาถูกไล่รื้อ บังคับอพยพอย่างน้อย ๆ 2 ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในปี 2539 และ 2554 โดยมีการใช้ “ปฏิบัติการยุทธการตะนาวศรี” เผาบ้านและยุ้งฉางของชาวบ้านเพื่อบังคับย้ายชาวกะเหรี่ยงออกจากป่าใจแผ่นดิน เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้นายคออี้ มีมิ หรือ “ปู่คออี้” ผู้นำจิตวิญญาณชาวกะเหรี่ยง กลายเป็นที่รู้จัก เขายังเป็นผู้ฟ้องคดีที่กรมอุทยานฯ เผายุ้งฉางชาวกะเหรี่ยง

17 เม.ย. 2557 บิลลี่ พอละจี รักจงเจริญ ชาวกะเหรี่ยงบางกลอย และหลานของปู่คออี้ ได้สูญหายไปขณะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยทนายความ เขาเข้าไปเก็บข้อมูลจากปู่คออี้และผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการไล่ที่เพื่อนำไปใช้ในชั้นศาล

การสอบสวนชาวบ้านในพื้นที่ทำให้รู้ว่า ช่วงเย็นวันที่ 17 เม.ย. บิลลี่ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานฯ แก่งกระจานควบคุมตัวไว้ และหลังจากนั้นก็ไม่มีใครพบเห็นเขาอีกเลย

ต่อมาในปี 2561 ปู่คออี้เสียชีวิต ด้วยอายุ 107 ปี โดยไม่ได้กลับไปยังบ้านเกิด

นายชัยวัฒน์ หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจานในเวลานั้น เป็นหนึ่งในผู้อยู่ในเหตุการณ์ควบคุมตัวบิลลี่ เขาให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยเมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2562 หรือหนึ่งวันหลังจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงข่าวการพบกระดูกของบิลลี่ว่า เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวบิลลี่ฐานมีน้ำผึ้งป่าไว้ในครอบครอง 38 ขวด แต่หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็ได้ปล่อยตัวไป

ชัยวัฒน์บอกด้วยว่า เขาไม่เคยจับกุมชาวกะเหรี่ยงในป่าแก่งกระจาน ถ้าเป็นชุมชนที่อยู่มาดั้งเดิมและทำตามกฎหมาย พร้อมกับยืนยันว่า ไม่เคยมองชาวกะเหรี่ยงในแง่ร้าย แต่เหตุที่ต้องนำปฏิบัติการการเผาบ้านปู่คออี้และชุมชนชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยครั้งนั้น “เป็นเหตุผลด้านความมั่นคงและภัยคุกคาม”

25 มี.ค. 2564 คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) มีมติเมื่อ 25 มี.ค. 2564 ให้ปลดนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ออกจากราชการ หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ชี้มูลความผิด ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา โดยการเผาทำลายทรัพย์สินของชาวบ้านบางกลอยในป่าแก่งประจาน

10 ส.ค. 2565 สำนักงานอัยการสูงสุด ส่งหนังสือลงวันที่ 10 ส.ค. 2565 ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ลงนามโดยนายกุลธนิต มงคลสวัสดิ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานชี้ขาดคดีอัยการสูงสุด ซึ่งปฏิบัติราชการแทนอัยการสูงสุด ยืนยันว่า อัยการสูงสุดได้ลงนามในความเห็นสั่งฟ้องนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และพวกรวม 4 คน โดยหนึ่งในนั้นเป็นข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน” คือ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่

….

ข่าว บีบีซี ไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว