ขั้วอำนาจการเมืองเวียดนาม จะเปลี่ยนไปแค่ไหน หลังประธานาธิบดีลาออก

 

นาย เหวียน ซวน ฟุก ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเวียดนามมานานหลายปี

Reuters
นาย เหวียน ซวน ฟุก ดำรงตำแหน่งผู้นำสูงสุดของเวียดนามมานานหลายปี

 

การประกาศลาออกจากตำแหน่งของประธานาธิบดี เหวียน ซวน ฟุก กลายเป็นชนวนสู่การเปลี่ยนขั้วอำนาจในกลุ่มผู้กุมอำนาจปกครองสูงสุด ของประเทศที่ปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์อย่างเวียดนามอย่างไร

ที่ผ่านมา มีข่าวลือแพร่สะพัดเกี่ยวกับการลาออกของนายฟุก มาพักหนึ่งแล้ว หลังรองนายกรัฐมนตรีสองคนในรัฐบาลของนาย เหวียน ซวน ฟุก ได้ลาออกไปก่อนหน้านี้

Advertisment

สำหรับนายฟุก เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก่อนจะขึ้นสู่อำนาจในตำแหน่งสุดของประเทศตั้งแต่ปี 2021

ข่าวการลาออกของนายฟุก เกิดขึ้นระหว่างการปราบปรามการทุจริตภายในพรรคคอมมิวนิสต์ ซึ่งมีสมาชิกพรรคจำนวนหลายร้อยคนกำลังถูกสอบสวนอยู่ในขณะนี้

อย่างไรก็ดี หนังสือลาออกของประธานาธิบดีฟุก ยังต้องได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ที่จะจัดประชุมสมัยพิเศษอย่างเร่งด่วนในวันนี้ (18 ธ.ค.) ตามธรรมเนียมปฏิบัติ

สื่อออนไลน์ของทางการเวียดนามเป็นผู้รายงานยืนยันการลาออกของประธานาธิบดีฟุก หลังจากมีการคาดการณ์ว่า เขาจะลงจากตำแหน่ง มาพักหนึ่ง

Advertisment

แถลงการณ์ของพรรคฯ ได้ยกย่องความเป็นผู้นำของนายฟุก ที่มีความรับผิดชอบทางการเมืองในฐานะผู้นำประเทศ หลังพบว่าเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาจำนวนมากกระทำผิดวินัยพรรคฯ

ในจำนวนนักการเมืองที่ทำผิดวินัยพรรคฯ คือ รองนายกรัฐมนตรีสองคนที่ได้ประกาศลาออกไปแล้วเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา รวมถึงรัฐมนตรีอีกสองคนและเจ้าหน้าที่อื่น ๆ ที่ถูกตั้งข้อหาด้านอาชญากรรม

แถลงการณ์ของพรรคฯ ระบุว่า “เนื่องด้วยความตระหนักในความรับผิดชอบต่อพรรคฯ และประชาชน นายฟุกได้ยื่นหนังสือแสดงเจตจำนงลาออกจากตำแหน่ง และขอเกษียณการทำงาน”
ปัจจุบัน นายฟุกอายุ 69 ปี เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี 2016 จนถึงเดือน เม.ย. 2021 และต่อมาได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเสาหลักแห่งอำนาจสูงสุดทางการเมืองของเวียดนามในเชิงสัญลักษณ์

แม้ว่าประธานาธิบดีจะมีอำนาจสำคัญ และเป็นหนึ่งในสี่เสาหลักแห่งอำนาจ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เสาหลักทางการเมืองที่มีอำนาจสูงสุดที่แท้จริง กลับเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ ส่วนอีกสองเสาหลักสำคัญ คือ ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และประธานสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์

ปัจจุบัน นักการเมืองผู้ทรงอำนาจสูงสุดในฐานะเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามคือ นายเหงวียน ฝู จ่อง ซึ่งมุ่งเน้นการปราบปรามการคอร์รัปชัน โดยจากรายงานของพรรคฯ ที่ผ่านมาในปี 2022 เพียงปีเดียว มีรายงานว่าสมาชิกพรรค 539 คน ถูกดำเนินคดี หรือ พบว่ากระทำผิดวินัย ทั้งในคดีคอร์รัปชัน และเจตนากระทำผิด ในจำนวนนี้มีรัฐมนตรี เจ้าหน้าทีระดับสูง รวมทั้งนักการทูตรวมอยู่ด้วย

เจ้าหน้าที่ตำรวจเวียดนามยังได้ทำการสอบสวนคดีเกี่ยวกับคอร์รัปชันจำนวน 453 คดี เพิ่มขึ้นกว่า 50% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

นายเหงวียน ฝู จ่อง รับใช้พรรคคอมมิวนิสต์มาอย่างยาวนาน ในขณะนี้อาจจะสามารถกระชับอำนาจในพรรคได้

Reuters
นายเหงวียน ฝู จ่อง รับใช้พรรคคอมมิวนิสต์มาอย่างยาวนาน ในขณะนี้อาจจะสามารถกระชับอำนาจในพรรคได้

2 ฉากทัศน์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น

มีการคาดการณ์ถึงสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ประกอบด้วย 2 ฉากทัศน์สำคัญ คือ

ฉากทัศน์แรก นายเหงวียน ฝู จ่อง อาจจะขึ้นตำรงตำแหน่งแทนนายฟุก เป็นการชั่วคราว แต่นั่นอาจจะหมายความว่า ผู้คุมบังเหียนของประเทศอาจจะลดการกระจายอำนาจลง นำไปสู่ความเป็นเผด็จการมากขึ้น

ส่วนฉากทัศน์ที่เป็นไปได้อีกประการ และกำลังเป็นที่พูดถึง คือ อาจมีการการเลื่อนตำแหน่งของสมาชิกคณะกรรมการโปลิตบูโรคนหนึ่งขึ้นดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีแทนนายฟุก

vietnam

Getty Images

บทวิเคราะห์จากผู้สื่อข่าวบีบีซี

โจนาธาน เฮด ผู้สื่อข่าวบีบีซีประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วิเคราะห์ว่า การอ่านเกมการเมืองของเวียดนามเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย เพราะการตัดสินใจของพรรคคอมมิวนิสต์ของเวียดนามมักเป็นความลับ

ทว่า นายเหงวียน ฝู จ่อง นักการเมืองรุ่นใหญ่ผู้ไม่ยอมอ่อนข้อ และเพิ่งได้รับการเลือกให้เป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์เป็นสมัยที่ 3 เมื่อปีที่แล้ว ดูเหมือนว่า เขาพยายามควบรวมอำนาจ โดยการสั่งปลดเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่มีแนวความคิดฝักใฝ่ตะวันตกและธุรกิจ

ในทางราชการ เราจะเรียกกระบวนการเหล่านี้ในนามการปราบปรามการคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นปัญหาใหญ่ในเวียดนาม ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจในอัตราสูง แต่เนื้อในแล้ว นี่อาจจะเป็นข้อบ่งชี้ถึงการต่อสู้เชิงอำนาจของผู้นำระดับสูงของพรรคฯ ที่อาจนำไปสู่การมีอำนาจผูกขาดโดยปราศจากความท้าทายใด ๆ

จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว แทบจะไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองของเวียดนาม ที่ยังคงมุ่งเน้นในการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโต ในขณะที่ต้องพยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่า มีแนวโน้มที่นักการเมืองจากขั้วทหาร จะขึ้นดำรงตำแหน่งระดับสูงในพรรคเพิ่มขึ้น ซึ่งนั่นคือข่าวร้ายสำหรับกลุ่มสิทธิมนุษยชน และชาวเวียดนามบางส่วนที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานของพรรคคอมมิวนิสต์

ข่าว BBCไทย ที่เผยแพร่ในเว็บไซต์ ประชาชาติธุรกิจ เป็นความร่วมมือของสององค์กรข่าว