สมคิด ควงลูกคลัง เปิดตัวชิงนายกฯฟ้าลิขิต ลงเลือกตั้งครั้งแรก

สมคิด ปราศรัยทางการเมือง กับสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทย เตรียมลงรับเลือกตั้ง ในบทบาทแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ครั้งแรก หลังเข้าสู่วงการเมืองตั้งแต่ปี 2544

วันที่ 8 กันยายน 2565 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ และอดีตสมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ในนามพรรคสร้างอนาคตไทย และรับตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทยอย่างเป็นทางการ

นายสมคิดกล่าวบนเวทีเปิดตัวว่า วันนี้ตนไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมน้องคลัง (ณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์) ลูกชายคนเล็กอายุ 20 ปี ซึ่งเป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้เป็นของขวัญสมัยเป็นรัฐมนตรีคลัง จึงนำมาตั้งชื่อว่าน้องคลัง โดยการที่พามาวันนี้เพื่อเป็นประจักษ์พยาน จะได้รู้ได้เห็นว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง และต้องการให้ลูกรู้ว่าการทำพรรคการเมืองไม่ใช่ของง่าย ให้เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องกลับมาช่วยน้อง ๆ เพราะเป็นภารกิจ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกฯ ซึ่งไม่มีความหมายเลย แต่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทย

“ที่ผ่านมาประเทศไทยมีนายกฯ ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากที่จะสร้างการพัฒนาอย่างจริงจัง เพราะบางคนยังไม่ถึง แต่บางคนพลังถึงก็มี Agenda ฉะนั้น การที่พาลูกมาเพื่อให้ได้เห็นสิ่งที่พ่อทำ เพราะตอนที่ลูกชายคนนี้เกิดสมัยผมเป็น รมว.คลัง ตอนนั้นมีนโยบายธนาคารประชาชน ซึ่งทำร่วมกับวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารออมสิน”

นายสมคิดกล่าวถึงที่มาว่า ในเวลานั้นได้ตั้งคำถามกับธนาคารออมสินว่า มีแต่เงินฝากที่ได้จากคนจน แต่ทำไมไม่นำกลับไปช่วยคนจนบ้าง แต่กลับไปลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่จุดมุ่งหมายเพื่อประชาชน ดังนั้น จึงเกิดโครงการธนาคารประชาชนขึ้นมาช่วยคนจน

“วันนี้ผมจึงนำน้องคลังมาฝากฝัง เพื่อให้คนรุ่นใหม่รู้ว่าการเมืองไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่การเมืองที่ดีก็มี ฉะนั้น อย่าหวังแค่นายกฯ ขอให้คิดใหม่ และในวันนี้มาด้วย 2 วัตถุประสงค์ คือให้กำลังใจเพื่อที่จะเป็นที่พึ่งประชาชน เข้ามากอบกู้เศรษฐกิจ และสร้างอนาคตไว้ให้คนรุ่นหลาน เพราะตอนนี้หายากจริง ๆ”

“วันนี้มาขอบคุณคนในพรรคที่เด็ดเดี่ยวกล้าประกาศเป็นพรรคทางสายกลางที่ไม่สุดขั้ว เพราะพรรคที่แบ่งสี แบ่งกลุ่มคือการทำลายความสัมพันธ์ในชาติ เพราะสิ่งสำคัญควรต้องเป็นตัวยึดโยง เพื่อสร้างความสัมพันธ์ในชาติ และที่สำคัญที่สุดที่กล้าหาญเพียงพอในการตั้งพรรคในสถานการณ์การเมืองตอนนี้ที่เละเทะจริง ๆ”

“สถานการณ์ที่เงินตราเริ่มเข้ามามีบทบาทสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองมีลักษณะเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และแต่ละคอกต้องหาเงินเพื่อมาเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมาแม้มีมาตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่ โจ๋งครึ่มเกินไป”

“ฉะนั้น ความกล้าหาญนี้ไม่ต้องคำนึงว่าจะได้กี่เสียง แต่ศรัทธาของประชาชนคือหัวใจ ถ้าคุณไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สะสมคนที่มีความรู้ ความสามารถ เพราะพรรคการเมืองถ้าไม่มีโครงสร้างทางปัญญา มีแต่โครงสร้างอำนาจ ก็จะไปไม่รอด และพาประเทศชาติไปไม่รอดด้วย การที่ผมมานี้ไม่ได้มาเพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่มาเพื่อสร้างการขับเคลื่อนประเทศไปในทางที่ถูกต้อง”

นายสมคิดกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจว่า “ตอนนี้สถานการณ์จีนถือเป็นพายุลูกใหญ่ เพราะสถานการณ์ภายในอยู่ในช่วงต่ออายุผู้นำเขา จีนจึงไม่กล้าขยับเปลี่ยนแปลง อีกทั้งเกิดปัญหาไต้หวัน ฉะนั้น จีนจะไม่ขยับหากผู้นำจีนยังเปลี่ยนผ่านไม่เรียบร้อย ภาวะตึงเครียดก็จะไม่หยุด จนกว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่มั่นคง มันจึงจะกระทบไทยหลายด้าน อาทิ กำลังการซื้อ การท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจึงต้องใช้เวลา ประกอบกับสถานการณ์ตอนนี้ไทยหนักกว่าที่คิด ไทยเจอมรสุมโลกในวันที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง”

นายสมคิดยังได้เล่าตำนานของ “กลุ่ม 4 กุมาร” ในพรรคพลังประชารัฐ ที่เขาลาออกมาด้วยว่า “ผมส่งทีม 4 กุมารไปทำงาน แต่สุดท้ายก็ถูกพิษการเมือง ซึ่งเข้าใจว่าการเมืองตอนนั้นเป็นการแสวงหาอำนาจ แต่ไม่ใช่แสวงหาปัญญา จึงทำให้วอล์กเอาต์”

นายสมคิดตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้การลงทุนกลับเดินหน้า ทั้งที่ควรหยุดเพราะใกล้เลือกตั้ง “ผมโทษการเมืองที่ไม่สามารถพาเราไปถึงฝั่งได้ และวันนี้เรามีนายกฯ คนไหนไม่รู้ ฉะนั้น เราต้องมีนายกฯจริง ๆ ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำ ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะเก็บไว้ทำไม”

“คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรง แต่ผมมีแรงบันดาลใจที่จะช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตประเทศไทย ที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง ไม่ต้องการแข่งหรือต่อล้อต่อเถียงใคร…เพราะการเมือง ผู้นำอาจไม่ใช่นายกฯ แต่ผู้นำต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและประเทศ ไม่เช่นนั้นเปลี่ยนกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ฉะนั้น ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ต้องเปลี่ยนแปลงการเมือง และถ้าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองก็ต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเนื้อหารัฐธรรมนูญด้านต่าง ๆ”

นายสมคิดปราศรัยเปิดตัวทางการเมือง ในช่วงปิดท้ายว่า “การเมืองอย่ามัวห่วงอำนาจ หวงตำแหน่ง ฉะนั้น การสร้างพรรคการเมืองที่ดีควรมาจากคนที่มีความรู้ ความสามารถ ถ้ามีสมาชิก หรือ ส.ส.คนไหนออกนอกลู่นอกทาง ได้บอกกับหัวหน้าพรรคให้ไล่ออกไปเลย การเป็นนายกฯ ฟ้าลิขิต แต่ผมพร้อมเป็นผู้นำพวกคุณ และยินดีช่วยทุกบทบาท”