ประกันรายได้ปาล์มปี 4 ฉลุย ใช้งบฯกว่า 6 พันล้าน ระวังต้นกล้าปลอม

จุรินทร์ ปาล์ม ประกันรายได้

จุรินทร์ เผยเดินหน้า โครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันปีที่ 4 ผ่านฉลุย เตรียมเสนอเข้า กนป. เห็นชอบเดินหน้าโครงการ มาตรการคู่ขนาน คาดใช้งบประมาณ 6,437 ล้านบาท เกษตรกรที่เข้าโครงการ 3.8 แสนครัวเรือน เตือนเกษตรกรปลูกปาล์ม เจอต้นกล้าปลอม เสียหายแล้ว 7 ล้านบาท จับผู้ทำผิด 2 ราย

วันที่ 12 กันยายน 2565 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ครั้งที่ 2/2565 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบเดินหน้าโครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันปี 4 ที่ราคา 4 บาทต่อกิโลกรัม

โดยยังคงเงื่อนไขเดิมทุกประการตาม 3 โครงการที่ผ่านมา อีกทั้ง เห็นชอบในมาตรการคู่ขนาน คาดว่าจะใช้งบประมาณรวมทั้งสิ้น 6,437 ล้านบาท จะเริ่มจ่ายเงินงวดแรกได้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2565 จนถึง 15 สิงหาคม 2566 รวมจ่ายทั้งหมด 12 งวด หลังจากนี้จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) เห็นชอบต่อไป

โครงการประกันรายได้ปาล์มน้ำมันปี 4 จะยังคงมาตรการเดิมจาก 3 โครงการที่ผ่านมา หลักเกณฑ์หลัก เช่น ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาทต่อครัวเรือน ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ไร่ และผลปาล์มต้องอายุ 3 ปีขึ้นไป กำหนดจำนวนเกษตรกรไว้ 3.8 แสนครอบครัว

จะมีการจ่ายเงินส่วนต่าง 12 งวด ถ้าราคาปาล์มในตลาด ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท โดยจะกำหนดราคาอ้างอิงทุก 30 วัน เริ่มจ่ายส่วนต่างงวดแรก 15 ก.ย. 2565-15 ส.ค. 2566 วงเงินที่เตรียมไว้สำหรับการจ่ายเงินส่วนต่างประกันรายได้ปาล์มน้ำมัน 6,128 ล้านบาท

จุรินทร์ ปาล์ม ประกันรายได้

มาตรการคู่ขนาน หนุนส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ 2 บาท/กก.

ส่วนมาตรการคู่ขนาน เช่น สนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบกิโลกรัมละ 2 บาท โดยมีเงื่อนไข 2 ข้อ คือ

1.สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศล้นจนสูงเกินกว่า 300,000 ตัน 2.ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาในตลาดโลก จะช่วยผู้ส่งออกกิโลกรัมละ 2 บาท จะดำเนินการจนถึงเดือน ก.ย. 2566 ตั้งวงเงินไว้ 309 ล้านบาท

พร้อมกันนี้ เห็นชอบปรับปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มที่ปรับลดลงมา ด้วยการปรับจาก B5 เป็น B7 โดยจะเสนอเข้า กนป.พิจารณาเห็นชอบ และได้มีการสั่งการให้เข้มงวดเรื่องมาตรฐานการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเครื่องชั่งอย่างสม่ำเสมอ

รวมทั้ง ห้ามลานเทใช้ตะแกรงร่อนลูกร่วง และเข้มงวดการจดทะเบียนลานเท และขอให้รับซื้อเฉพาะผลปาล์มสุกเพื่อจะได้ผลปาล์มที่มีคุณภาพทำให้เกษตรกรช่วยสนับสนุนการตัดผลปาล์มที่มีคุณภาพเข้าสู่ระบบต่อไปได้ด้วย

“ขณะนี้ราคาผลปาล์มปรับลดลงมา เฉลี่ย 5.70-6 บาทต่อกิโลกรัม ราคาน้ำมันปาล์มดิบมาเลเซียเฉลี่ย 29 บาทต่อกิโลกรัม จากเทียบช่วงเดียวกัน 35 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่ น้ำมันปาล์มดิบในประเทศอยู่ที่ 32-33 บาทต่อกิโลกรัม สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในปัจจุบันอยู่ที่ 2.6 แสนตัน ต่ำกว่าช่วงเดียวกันซึ่งอยู่ที่ 3.5 แสนตัน”

ส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ ส.ค.-ก.ย. ลดลง

สถานการณ์ผลผลิตในประเทศของปี 2565 พบว่า ปริมาณผลปาล์มเพิ่มขึ้น 4% สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศช่วงปลายเดือน ส.ค. อยู่ที่ 2.6 แสนตัน เพิ่มขึ้น 27% เทียบกับตอนสิ้นเดือน ก.ค. การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของไทย ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 2565 ที่ 6.3 แสนตัน เพิ่มขึ้น 97%

คู่แข่งสำคัญในตลาดส่งออกคืออินโดนีเซีย ขณะนี้เลิกห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบแล้ว และเร่งรัดการส่งออกด้วยการยกเลิกภาษีการส่งออก ตั้งแต่ 18 ก.ค.-31 ต.ค. 2565 ซึ่งมีผลกระทบต่อการแข่งขันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของเราด้วย

ตัวเลขการส่งออกในเดือน ส.ค. ลดลงมาประมาณหนึ่งเท่าตัวและเดือน ก.ย. ลดลงมาประมาณหนึ่งเท่าตัวเช่นเดียวกัน

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังเป็นห่วงและเตือนไปยังเกษตรกรที่สนใจจะปลูกปาล์มใหม่ให้ระมัดระวังในเรื่องต้นกล้าปาล์มปลอม ซึ่งมีระบาดในหลายพื้นที่ ตนจึงได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกจังหวัดที่มีการปลูกปาล์มเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้

ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการในระดับจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ที่รับผิดชอบรับทราบ และเรียนให้เกษตรกรผู้สนใจที่จะปลูกปาล์มใหม่ ถ้าต้องการตรวจสอบว่าต้นกล้าเป็นพันธุ์ที่แท้จริง ให้ใช้บริการกรมวิชาการซึ่งจะมีประจำทุกสำนักงานเกษตรอำเภอทั่วประเทศ จำนวน 882 ศูนย์

ทั้งนี้ เพื่อได้รับความมั่นใจว่าเป็นพันธุ์ปาล์มที่ถูกต้อง หรือถ้าพบเบาะแสว่ามีการจำหน่ายพันธุ์ปาล์มปลอม ให้ช่วยแจ้งที่ 1569 ของกระทรวงพาณิชย์หรือกรมการค้าภายใน เพื่อจะได้ลงไปดำเนินคดีหรือตรวจสอบต่อไปได้ และระยะเวลาที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีไปแล้ว 2 รายสำหรับผู้ขายต้นกล้าปาล์มปลอม จำนวน 42,800 ต้น มูลค่ารวม 7 ล้านบาทที่จังหวัดกระบี่ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขอเตือนผู้ที่กระทำการนี้และอย่าคิดทำเพราะไม่คุ้ม