มิ่งขวัญ แถลง เปิดใจ ขอตำแหน่ง แคนดิเดตนายกฯ พลังประชารัฐ อ้าง เพื่อไปดีเบต-แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ฝากไปบอก ประยุทธ์ “ผมไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับท่านได้”
วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมกับแกนนำพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาตร์พรรค พปชร. ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
- “พลังงานไฮโดรเจน” ถูกกว่าน้ำมัน 60% ไทยเริ่มศึกษาแต่ เยอรมัน กำลังจะเลิกใช้
- สถิติหวย ตรวจหวย ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 16 เมษายน ย้อนหลัง 10 ปี
- อย.เปิดชื่ออาหารเสริม พบสารอันตราย ร้ายแรงจนถึงแก่ชีวิต เตรียมดำเนินการตามกฎหมาย
นายมิ่งขวัญแถลงข่าวว่า เหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรค พปชร. เหตุผลแรก ตนให้เครดิตพล.อ.ประวิตร ซึ่งให้เกียรติตนในการเชิญตน เพราะเห็นว่า วันนี้ประเทศมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ จึงให้ตนมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
พรรคนี้คนทำเรื่องเศรษฐกิจเก่งอยู่แล้ว จึงแค่มาเติมเต็ม อันที่สอง ขอโทษจริง ๆ ที่ผมมีความจำเป็นต้องพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่ในพรรคนี้แล้ว และท่านก็ไม่เคยอยู่ แต่ท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ และเป็นนายกรัฐมนตรี”
“ผมย้ำนะครับว่า ผมไม่ได้มีปัญหากับพล.อ.ประยุทธ์โดยตรง แต่ตลอด 3 ปีครึ่งกว่า ผมอภิปรายในสภาเพราะมีจุด 3 จุด หนึ่ง ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไม่สำเร็จ สอง ท่านเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เศรษฐกิจก็ไม่สำเร็จ สาม ท่านเป็นหัวหน้า ศบค.ก่อนจะปิดศูนย์ ตัวเลขคนไทยที่ตาย 2 หมื่นกว่าศพ”นายมิ่งขวัญกล่าวและว่า
“ท่านสังเกตไม่ครับผมอภิปรายคนเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ ผมย้ำนะครับ ผมไม่ได้มีอะไรโกรธเคืองกับท่าน แต่โดยหน้าที่ โดยความถูกต้อง ท่านอาสาเข้ามาทำแล้วทำไม่สำเร็จ ผมก็ต้องอภิปรายท่าน แล้วท่านไม่ได้อยู่พรรคนี้แล้ว เดี๋ยวสภาก็จะหมดสมัยในวาระใกล้ ๆ”นายมิ่งขวัญกล่าว
นายมิ่งขวัญกล่าวว่า อันที่สาม ถ้าผมไม่เปิดใจวันนี้ ท่านก็ไม่รู้ว่า ทำไมผมพลิกกลับไปกลับมาอย่างนี้ได้ ผมรักษาคำพูด คำว่าตระบัดสัตย์ คำว่าไม่รักษาคำพูด ผมอยากพูดประเด็นนี้ให้ชัด ผมอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์มาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีกว่า จนถึงวันที่ผมยื่นใบลาออก ผมขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ลงให้ผม แล้วขอขอบคุณเสียงที่จะมาในอนาคต
“ผมฝากไปเรียนพล.อ.ประยุทธ์ด้วยนะ ผมไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับท่านได้ ผมเน้นไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายมิ่งขวัญกล่าว
นายมิ่งขวัญกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ผมไม่พูดไม่ได้ ผมยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชน ผมได้มีโอกาสได้คุยกับพล.อ.ประวิตร ขอยืนยันนะครับ การที่ผมสวมเสื้อพลังประชารัฐ ไม่มีการเจรจาเรื่องเงินทองแม้แต่บาทเดียว ผมไม่มีการพูดถึงผลประโยชน์เรื่องเงินทอง เหตุผลที่ทำให้ตนตัดสินใจ ข้อ 1 ประชาชนเดือดร้อน ผมจะไม่ประดิษฐวาทะกรรมให้สวยงาม ผมจะเอาตัวตนของผมมาดูแลความทุกข์ยากของประชาชน
“เรื่องที่ 2 ผมก็ถามท่าน (พล.อ.ประวิตร) ว่า เมื่อผมเข้ามา กรรมการบริหารพรรคอยู่กันเต็มไปหมดเลย ผมไม่อยากไปหยุ่มไปยามหน้าที่ของใคร ผมไม่ขอเป็นกก.บห.พรรค”
นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ข้อ 3 ให้ตนมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจก็มีคนอยู่กันเต็มไปหมดอยู่แล้ว ท่านต้องฟังประโยคนี้ให้ช้า ๆ ชัด ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผมจะต้องออกดีเบตในสงครามการเลือกตั้งที่จะมาถึงอีกไม่นานนี้ ผมได้ปรึกษากับท่าน (ประวิตร) ท่านก็กรุณาบอกว่า ถ้าท่านมิ่งขวัญจะออกดีเบต ท่านก็ต้องมีบางอย่างที่เป็น พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องมีตำแหน่งเข้าไปดีเบต
ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ดีเบต
“ประโยคนี้เป็นประโยคสำคัญ พล.อ.ประวิตร จึงบอกผมว่า ผมจะพิจารณาและเอาเข้าวาระให้มิ่งขวัญเป็น 1 ใน แคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ผมกราบขอบพระคุณท่าน (นายมิ่งขวัญยกมือไหว้พล.อ.ประวิตรที่นั่งแถลงข่าวอยู่ข้าง ๆ) นั่นคือสิ่งที่ท่านพูดกับผม”นายมิ่งขวัญกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าเหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรค พปชร. เพราะไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในพรรค พปชร.แล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.พล.อ.ประวิตรตอบคำถามแทนนายมิ่งขวัญว่า “พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว ออกไปแล้ว คุณมิ่งขวัญก็บอกว่าออกไปแล้วไง”
เมื่อถามว่า ถ้าในอนาคตพรรคพลังประชารัฐจับมือกับ พรรครวมไทยสร้างชาติที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯพล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ถ้าไม่ได้เลย อย่าถ้า ถ้า ถ้า ถ้าได้หมดอ่ะ ถ้าคุณ (สื่อ) ตายไปแล้วได้ไหม”ก่อนที่นายวิรัช รัตนเศรษฐจะกล่าวตัดบท
เมื่อถามว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วใช่หรือไม่ นายมิ่งขวัญกล่าวว่า เรียบร้อยแล้ว