มิ่งขวัญ เปิดใจไล่ประยุทธ์ ขอเป็นแคนดิเดตนายกฯ พลังประชารัฐ

มิ่งขวัญ แถลง เปิดใจ ขอตำแหน่ง แคนดิเดตฯนายกฯ พลังประชารัฐ
มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ แถลงเปิดใจร่วมงานพรรคพลังประชารัฐ

มิ่งขวัญ แถลง เปิดใจ ขอตำแหน่ง แคนดิเดตนายกฯ พลังประชารัฐ อ้าง เพื่อไปดีเบต-แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ฝากไปบอก ประยุทธ์ “ผมไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับท่านได้”

วันที่ 6 ธันวาคม 2565 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมกับแกนนำพรรค อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค พปชร. นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ประธานยุทธศาตร์พรรค พปชร. ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

นายมิ่งขวัญแถลงข่าวว่า เหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรค พปชร. เหตุผลแรก ตนให้เครดิตพล.อ.ประวิตร ซึ่งให้เกียรติตนในการเชิญตน เพราะเห็นว่า วันนี้ประเทศมีปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ จึงให้ตนมาช่วยแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

มิ่งชวัญ พลังประชารัฐ
ภาพจากศูนย์ภาพเครือมติชน

พรรคนี้คนทำเรื่องเศรษฐกิจเก่งอยู่แล้ว จึงแค่มาเติมเต็ม อันที่สอง ขอโทษจริง ๆ ที่ผมมีความจำเป็นต้องพูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ไม่อยู่ในพรรคนี้แล้ว และท่านก็ไม่เคยอยู่ แต่ท่านเป็นแคนดิเดตนายกฯ และเป็นนายกรัฐมนตรี”

“ผมย้ำนะครับว่า ผมไม่ได้มีปัญหากับพล.อ.ประยุทธ์โดยตรง แต่ตลอด 3 ปีครึ่งกว่า ผมอภิปรายในสภาเพราะมีจุด 3 จุด หนึ่ง ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีประเทศไม่สำเร็จ สอง ท่านเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ เศรษฐกิจก็ไม่สำเร็จ สาม ท่านเป็นหัวหน้า ศบค.ก่อนจะปิดศูนย์ ตัวเลขคนไทยที่ตาย 2 หมื่นกว่าศพ”นายมิ่งขวัญกล่าวและว่า

“ท่านสังเกตไม่ครับผมอภิปรายคนเดียว คือ พล.อ.ประยุทธ์ ผมย้ำนะครับ ผมไม่ได้มีอะไรโกรธเคืองกับท่าน แต่โดยหน้าที่ โดยความถูกต้อง ท่านอาสาเข้ามาทำแล้วทำไม่สำเร็จ ผมก็ต้องอภิปรายท่าน แล้วท่านไม่ได้อยู่พรรคนี้แล้ว เดี๋ยวสภาก็จะหมดสมัยในวาระใกล้ ๆ”นายมิ่งขวัญกล่าว

นายมิ่งขวัญกล่าวว่า อันที่สาม ถ้าผมไม่เปิดใจวันนี้ ท่านก็ไม่รู้ว่า ทำไมผมพลิกกลับไปกลับมาอย่างนี้ได้ ผมรักษาคำพูด คำว่าตระบัดสัตย์ คำว่าไม่รักษาคำพูด ผมอยากพูดประเด็นนี้ให้ชัด ผมอภิปรายพล.อ.ประยุทธ์มาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีกว่า จนถึงวันที่ผมยื่นใบลาออก ผมขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ลงให้ผม แล้วขอขอบคุณเสียงที่จะมาในอนาคต

มิ่งขวัญ ประวิตร พลังประชารัฐ
ภาพจากศูนย์ภาพเครือมติชน

“ผมฝากไปเรียนพล.อ.ประยุทธ์ด้วยนะ ผมไม่สามารถร่วมอุดมการณ์กับท่านได้ ผมเน้นไปที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”นายมิ่งขวัญกล่าว

นายมิ่งขวัญกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ผมไม่พูดไม่ได้ ผมยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชน ผมได้มีโอกาสได้คุยกับพล.อ.ประวิตร ขอยืนยันนะครับ การที่ผมสวมเสื้อพลังประชารัฐ ไม่มีการเจรจาเรื่องเงินทองแม้แต่บาทเดียว ผมไม่มีการพูดถึงผลประโยชน์เรื่องเงินทอง เหตุผลที่ทำให้ตนตัดสินใจ ข้อ 1 ประชาชนเดือดร้อน ผมจะไม่ประดิษฐวาทะกรรมให้สวยงาม ผมจะเอาตัวตนของผมมาดูแลความทุกข์ยากของประชาชน

“เรื่องที่ 2 ผมก็ถามท่าน (พล.อ.ประวิตร) ว่า เมื่อผมเข้ามา กรรมการบริหารพรรคอยู่กันเต็มไปหมดเลย ผมไม่อยากไปหยุ่มไปยามหน้าที่ของใคร ผมไม่ขอเป็นกก.บห.พรรค”

นายมิ่งขวัญกล่าวว่า ข้อ 3 ให้ตนมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจก็มีคนอยู่กันเต็มไปหมดอยู่แล้ว ท่านต้องฟังประโยคนี้ให้ช้า ๆ ชัด ๆ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ผมจะต้องออกดีเบตในสงครามการเลือกตั้งที่จะมาถึงอีกไม่นานนี้ ผมได้ปรึกษากับท่าน (ประวิตร) ท่านก็กรุณาบอกว่า ถ้าท่านมิ่งขวัญจะออกดีเบต ท่านก็ต้องมีบางอย่างที่เป็น พูดง่าย ๆ ก็คือ ต้องมีตำแหน่งเข้าไปดีเบต

ในการเลือกตั้งครั้งที่แล้วหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกฯเท่านั้น จึงจะมีสิทธิ์ดีเบต

“ประโยคนี้เป็นประโยคสำคัญ พล.อ.ประวิตร จึงบอกผมว่า ผมจะพิจารณาและเอาเข้าวาระให้มิ่งขวัญเป็น 1 ใน แคนดิเดตนายกฯของพรรคพลังประชารัฐ ผมกราบขอบพระคุณท่าน (นายมิ่งขวัญยกมือไหว้พล.อ.ประวิตรที่นั่งแถลงข่าวอยู่ข้าง ๆ) นั่นคือสิ่งที่ท่านพูดกับผม”นายมิ่งขวัญกล่าว

ประวิตร พลังประชารัฐ
ภาพจากศูนย์ภาพเครือมติชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่บอกว่าเหตุผลที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรค พปชร. เพราะไม่มีพล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในพรรค พปชร.แล้ว แต่พล.อ.ประยุทธ์ยังเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พปชร.พล.อ.ประวิตรตอบคำถามแทนนายมิ่งขวัญว่า “พล.อ.ประยุทธ์ไปแล้ว ออกไปแล้ว คุณมิ่งขวัญก็บอกว่าออกไปแล้วไง”

เมื่อถามว่า ถ้าในอนาคตพรรคพลังประชารัฐจับมือกับ พรรครวมไทยสร้างชาติที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯพล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ถ้าไม่ได้เลย อย่าถ้า ถ้า ถ้า ถ้าได้หมดอ่ะ ถ้าคุณ (สื่อ) ตายไปแล้วได้ไหม”ก่อนที่นายวิรัช รัตนเศรษฐจะกล่าวตัดบท

เมื่อถามว่าได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแล้วใช่หรือไม่ นายมิ่งขวัญกล่าวว่า เรียบร้อยแล้ว