เปิดใจทั้งน้ำตา! “เจ้เล้ง” เผยควัก 700 ล้านหย่าสามีปิดฉากชีวิตคู่33ปี ชี้จ่ายซื้ออิสรภาพ ไม่เสียดายเงิน

เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา ที่อาคารเจ้เล้ง พลาซ่า เลขที่ 40/90 ซอยวิภาวดีฯ 74 ถนนวิภาวดีฯ แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กทม. นาง อารียฉัตร อภิสิทธิ์อมรกุล อายุ 67 ปี หรือ “เจ้เล้ง” เจ้าของ “ร้านเจ้เล้ง” อาณาจักรสินค้าจากต่างประเทศมูลค่านับหมื่นล้านที่ใครๆ รู้จักดี เปิดใจกับผู้สื่อข่าวถึงชีวิตแต่งงานที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน หลังตัดสินใจหย่าขาดกับสามี ซึ่งแต่งงานตั้งแต่อายุ 27 ปี โดยยอมยกเงินสดและทรัพย์สินรวมมูลค่า 700 ล้านบาทให้ไป เพื่อแลกกับอิสรภาพ

เจ้เล้งเปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตั้งแต่แต่งงานได้ 2 สัปดาห์ สามีก็บอกว่า จะต่างคนต่างเก็บเงิน นับตั้งแต่วันนั้นก็แยกกันเก็บเงินเป็นต้นมา โดยตนเริ่มทำมาค้าขายและมีหัวทางธุรกิจ มีเงินมีทองมาตั้งแต่สาวๆ ส่วนสามีทำงานบริษัทแต่เปลี่ยนงานบ่อยจนสุดท้ายก็ไม่ได้ทำงาน จึงให้มาทำงานที่ร้าน ด้วยความที่ตนชอบทำมาค้าขาย ชอบขายของ และส่วนใหญ่จะขายเองคนเดียวกับลูกน้อง วันหยุดก็ไม่เคยได้หยุด เป็นคนบ้าขายของ ดีใจที่ได้เงิน แต่ไม่เคยได้เก็บเงิน เพราะสามีเป็นคนเก็บ เคยทะเลาะกันเรื่องการแบ่งเงินในบัญชีไปบัญชีอื่น แต่ก็ให้สามีเก็บเงินมาตลอด 33 ปี ซึ่งภายหลังมีการจดทะเบียนเป็นนิติบุคคล ยังพบว่าเงินกำไรที่ได้จากการขายของแทบไม่เหลือ

ปัญหาที่เกิดขึ้นมายาวนาน แต่ไม่เคยพูดให้ใครฟัง หลังจากแยกกันอยู่สามีก็ไปอยู่สงขลา ตนก็ส่งเงินให้เดือนละ 5.5 แสนบาทอยู่ทุกเดือน แต่พอแยกกันครบปี สามีก็ฟ้องหย่า เรียกตนไปพบนักการเมืองคนหนึ่งเป็นคนเจรจา ว่าสามีอยากได้เงิน 600 ล้านบาท กับที่ดินอีกส่วนหนึ่ง ถ้าตนไม่ให้จะไม่เหลืออะไรเลย

“ฉันก็งงว่า ฉันทำอะไร ฉันไม่ได้_อกทอง ไม่เที่ยวกินเหล้า บ้าแต่ทำงาน โดนขู่ว่าจะโดนมาตรา 44 ฉันก็ไม่กลัว เพราะฉันทำมาหากินมาทุกอย่าง นักการเมืองคนนั้นจะคุมเรื่องฟ้อง มีการส่งนายตำรวจผู้ใหญ่มาคุ้มกันเวลามาศาล มีการขู่อยู่เรื่อยว่าจะแถลงข่าวประจาน ฉันแต่งงานมา 40 ปี ไม่เคยให้ผัวเลี้ยง ฉันอายตรงไหน ชีวิตอยู่คนเดียว มีคนมาจีบเยอะแยะแต่ฉันไม่เอา” เจ้เล้งกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

เจ้เล้งเปิดเผยอีกว่า ข้อที่อดีตสามีฟ้องหย่าร้าง คือ 1.ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่ได้นอนด้วยกันมา 5 ปี แต่จริงๆ ไม่ได้นอนกันมา 10 ปีแล้ว แต่ตนก็ไม่เคยมีใครอื่น ทำงานมาตลอด 2.ไม่เคารพบุพการี ซึ่งตนช่วยรักษาคุณแม่ของอดีตสามี มีหมอพยาบาลมาเป็นพยานได้ 3.ยักยอกทรัพย์สมบัติให้ลูกหลาน ซึ่งไม่จริง เพราะทุกอย่างที่ให้หลาน มีการบอกหมดทุกอย่างว่าให้อะไร อดีตสามีก็เซ็นชื่อรับทราบตลอด ให้สู้ในชั้นศาล ยังไงก็สู้คดีไม่แพ้แน่นอน เพราะตนไม่ได้ผิด ตนอยู่บ้าน เขาเป็นคนออกจากบ้าน ตนส่งเงินเดือนให้ทุกเดือน 5.5 แสนบาท

“จริงๆ สู้กัน ดิฉันชนะ แต่ไม่ขอชนะเพราะดิฉันกลัว จะต้องรับเขามาอยู่ด้วยอีก ไม่อยากให้มาอยู่ด้วยกันอีก ตอนแรกพยายามอดทนทุกอย่าง คิดว่าแก่ๆ แล้วจะดีขึ้น พยายามทำทุกอย่างแล้ว เมื่อถึงศาล สุดท้ายดิฉันกลัวดิฉันชนะ ระหว่างที่เขาไม่อยู่บ้าน 1 ปี ทุกอย่างมันเบา มันโล่ง จึงให้เงินสดไป 300 ล้าน และทรัพย์สินส่วนหนึ่งรวมเป็น 700 ล้านบาท ตอนนี้อยู่แบบโล่ง หายใจได้เต็มปอด พนักงานในบ้าน ลูกหลานมีความสุข เพื่อนฝูงกลับมาหาอีกครั้ง ทุกอย่างมันมีความโล่งไปหมด” เจ้เล้งกล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้เล้งกล่าวตอนท้ายว่า พอสละโสดงวดนี้ เลยมาคิดว่าแจกให้เขาไป 700 ล้านแล้ว ทำไมจะแจกให้ลูกค้าบ้างไม่ได้ เลยจะมีโปรโมชั่นทั้งลด ทั้งแจก ที่ร้านเจ้เล้ง ระหว่างวันที่ 1-10 ก.ย.

“ขอบคุณที่มาฟังเรื่องชีวิตน้ำเน่า เล่าทีไรคนแก่อายุจะ 70 ก็นั่งร้องไห้ให้ความโง่ของตัวเอง เจ็บใจ ไม่ได้เสียดาย ดีใจที่หลุดออกไป ดวงตาของเรามีความสว่างอยู่ครึ่งเดียว อีกครึ่งมีแต่ความเศร้า ไม่เคยหัวเราะได้ดังๆ ที่น้ำตาไหลไม่เสียดายของ แต่เพราะเสียดายเวลา เงินไม่เกิน 3 ปี ก็หาคืนได้” เจ้เล้งกล่าวในท้ายที่สุด

 

ที่มา ข่าวสดออนไลน์