ไทยประกันชีวิต+มติชน Read For Life ส่งมอบความรู้สู่ชุมชน

ไทยประกัน

ไทยประกันชีวิตเดินหน้าโครงการ “ไทยประกันชีวิต Read For Life ส่งมอบความรู้สู่ชุมชน” ปีที่ 2 ด้วยการคัดเลือกหนังสือพ็อกเกตบุ๊กทั้งหมด 39 ปกจากสำนักพิมพ์มติชน โดยจัดซื้อเป็นมูลค่ารวม 800,000 บาท เพื่อนำไปมอบให้แก่ชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียงสาขากว่า 60 แห่งทั่วประเทศ

“ฐิติมา เลี้ยงพาณิชย์” ผู้อำนวยการฝ่ายกลุ่มสื่อสารองค์กร บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยประกันชีวิต Read For Life ส่งมอบความรู้สู่ชุมชน เริ่มดำเนินการครั้งแรกเมื่อปี 2565 เนื่องจากไทยประกันชีวิตครบรอบ 80 ปี จึงมองหากิจกรรมเพื่อสังคมใหม่ ๆ

จนเกิดเป็นโครงการนี้ขึ้นมาโดยร่วมกับมติชน ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ที่มีชื่อเสียง ทั้งยังมีนักเขียนชื่อดังมากมาย ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายส่งเสริมการอ่านแก่เยาวชน และคนในสังคม ทั้งยังหวังว่าจะทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตจากการอ่าน

“สำหรับปีที่ 2 ของโครงการ เรายังคงมุ่งเน้นไปที่การสร้างแรงบันดาลใจ เนื่องจากตัวแบรนด์ของไทยประกันชีวิต เป็นแบรนด์ที่มีเป้าหมายในเรื่องการส่งเสริมคุณภาพชีวิต จะเห็นได้จากโฆษณาทุกตัวของเรา ส่วนใหญ่ถ่ายทอดเนื้อหาที่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนในการใช้ชีวิต”

“ฐิติมา” กล่าวต่อว่า ที่เราเลือกมอบหนังสือ เพราะมองเห็นว่าหนังสือยังมีความสำคัญ ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีคอนเทนต์อยู่บนแพลตฟอร์มออนไลน์มากมาย ทั้งหนังสือดิจิทัล พอดแคสต์ หรือแม้แต่เราเคยคิดว่าหนังสือกำลังจะตาย แต่สังเกตได้ว่าทุกครั้งที่มีการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ผู้คนยังคงไปเดินเลือกซื้อหนังสืออย่างคึกคักทุกปี

ดังนั้น ในส่วนของโครงการ เราพยายามคัดสรรหนังสือดี ๆ เพื่อส่งต่อไปยังโรงเรียนต่าง ๆ ซึ่งมีหลากหลายหมวดมาก ทางหนึ่งเพื่อเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้นอกห้องเรียนด้วย

“สำหรับปีนี้เราคัดสรรหนังสือที่มีความหลากหลายมากขึ้น ในช่วงปีแรกเราเน้นหนังสือที่สร้างแรงบันดาลใจ แต่ปีนี้เราเพิ่มหนังสือแนววาไรตี้ วรรณคดี ประวัติศาสตร์ด้วย รวมถึงหนังสือแนวสุขภาพ แนวภูมิปัญญาชาวบ้าน เพื่อส่งต่อ 60 ชุมชนที่เป็นโรงเรียน ห้องสมุดชุมชน แหล่งเรียนรู้ชุมชน โรงพยาบาล

ซึ่งแต่ละแห่งผู้บริหารในพื้นที่สาขาต่าง ๆ ช่วยสำรวจว่าชุมชนต้องการหนังสือแบบไหน ถ้าเป็นโรงเรียนอาจจะเป็นหนังสือแนวสร้างแรงบันดาลใจ หรือถ้าเป็นชาวบ้าน ชุมชน อาจเป็นแนวส่งเสริมความรู้ ภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน ทั้งนั้นเพื่อเป็นการสร้าง local engagement ระหว่างคนของไทยประกันชีวิต และคนในชุมชน”

สำหรับหนังสือที่คัดสรรสู่ชุมชนปีนี้เป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมจากคนอ่าน และบางเล่มได้รับรางวัล เช่น Ten Lesson บทเรียนเพื่อโลกหลังการระบาด (ผู้แปล วิภัชภาค), ปีศาจ (เสนีย์ เสาวพงศ์), สิ่งที่เคยมอง แต่ไม่เคยเห็น (หนุ่มเมืองจันท์), ก้าวใหญ่ ๆ ใช้ใจเริ่ม (กวีวุฒิ เต็มภูวภัทร), วิ่งได้ ไม่ใช่แค่ได้วิ่ง (สถาวร จันทร์ผ่องศรี ครูดิน), ความสำเร็จ ดีใจได้วันเดียว (ธนินท์ เจียรวนนท์), เมื่อความจน เฆี่ยนตีผม (วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์)

ส่วนหนังสือเล่มที่ได้รับรางวัล ได้แก่ วินาทีไร้น้ำหนัก (วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ) ได้รับรางวัลชมเชย ประเภท นวนิยาย จากรางวัลหนังสือดีเด่นประจำปี 2565, คนจรดาบ (วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง) รางวัลชมเชย ประเภทนวนิยาย จากรางวัลหนังสือดีเด่น ประจำปี 2566 โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนี้ ยังมอบสมาชิกรายปี อาทิ นิตยสารศิลปวัฒนธรรม และนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน เพื่อส่งเสริมความรู้ด้านประวัติศาสตร์ และการประกอบอาชีพเกษตรกรรมแก่ชุมชนด้วย

“วราภรณ์ ลีกุลนิมิต” ผู้อำนวยการสายงาน สายงานกิจกรรมองค์กรเพื่อสังคม บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า โครงการ Read For Life ส่งมอบความรู้สู่ชุมชน ดำเนินกิจกรรมบนแนวคิดการสร้างคุณค่าร่วมระหว่างองค์กร และสังคม (Creating Shared Value : CSV) ตามแผนแม่บทยุทธศาสตร์การพัฒนาสู่ความยั่งยืน (SD Master Plan)

เนื่องจากไทยประกันชีวิตเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งแรกที่จัดทำขึ้น โดยแผนแม่บทด้านการพัฒนาสู่ความยั่งยืนจะให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนตามแนวทาง ESG คือ สิ่งแวดล้อม (environment) สังคม (social) และธรรมาภิบาล (governance)

นอกจากโครงการดังกล่าว ไทยประกันชีวิตยังมีกิจกรรมเพื่อสังคมอีกหลากหลายมิติ เช่น ร่วมกับสภากาชาดไทย ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมรณรงค์สร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องการบริจาคอวัยวะมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2539 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น ยังมีการรณรงค์เรื่องการบริจาคเลือด, การช่วยเหลือภัยพิบัติ และการมอบผ้าห่มกันหนาวแก่ผู้เดือดร้อน

“ในมิติการพัฒนาอย่างยั่งยืนช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เราโฟกัสเรื่อง ESG เป็นหลัก โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ถึงแม้ไทยประกันชีวิตจะไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่ไทยประกันชีวิตยังคงให้ความสำคัญกับการลดการสร้างผลกระทบที่จะทำให้เกิดภาวะโลกร้อน และการประหยัดพลังงานอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากสำนักงานออฟฟิศ ด้วยการให้พนักงานทุกคนตระหนักถึงการใช้ไฟฟ้า ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า รวมถึงรณรงค์การใช้แก้วน้ำที่ไม่ใช่พลาสติก เป็นต้น”

รวมถึงโครงการไทยประกันชีวิตเสริมโอกาส สุขยั่งยืน ซึ่งเป็นโครงการสนับสนุนวิสาหกิจชุมชน อันถือเป็นกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากที่เป็นพื้นฐานสำคัญของประเทศไทย โดยมุ่งถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ อย่างครบวงจร อาทิ การตลาดและการขาย, การเงินและบัญชี, การสร้างแบรนด์, การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ ด้วยการสอนให้คนในชุมชนนำไปใช้ทำได้จริง เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ตนเอง และพัฒนาสู่การเป็นเครือข่ายสังคมที่เข้มแข็งต่อไป

นอกจากนี้ ไทยประกันชีวิตยังถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านประกันภัย รวมถึงข้อมูลผลิตภัณฑ์ให้กับชุมชน และสังคม โดยการให้ข้อมูลที่โปร่งใส และเป็นธรรมกับลูกค้า ซึ่งเป็นหนึ่งในวิธีการรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งยังเป็นส่วนสำคัญในด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ชุมชน และการบริหารทรัพยากรมนุษย์อย่างยั่งยืน ที่สำคัญ ไทยประกันชีวิตยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับชุมชนและสังคม โดยเข้าไปมีส่วนช่วยสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น และเป็นตัวกลางในการขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกหลาย ๆ อย่าง

“อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่เราทำยังมุ่งเน้นไปที่การช่วยเหลือคนตามเจตนารมณ์ของแบรนด์ ที่ตระหนักถึงคุณค่าของชีวิต คุณค่าของความรัก และคุณค่าของมนุษย์ (value of life & value of love & value of people) อันเป็นหัวใจหลักของแบรนด์ ทั้งนั้นเพราะเราอยากส่งต่อแต่สิ่งดี ๆ สู่สังคม อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มองเห็นคุณค่าของตนเอง คนที่รัก และทำอะไรก็คิดถึงความยั่งยืนให้เกิดขึ้นทุกมิติ”

ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งสู่การเป็นบริษัทประกันชีวิตแห่งความยั่งยืน