SEAC ชู 3 เคล็ดลับ ออกแบบชีวิต-อาชีพในโลกยุคใหม่

“จงตั้งเป้าหมายไว้ที่ดวงจันทร์ เพราะถึงแม้ว่าคุณจะไปไม่ถึง คุณก็ยังได้อยู่ท่ามกลางหมู่ดาว”

คำกล่าวเบื้องต้นเป็นคำพูดของ “เลส บราวน์” นักพูดเพื่อสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก ชาวสหรัฐอเมริกา ที่นับวันคำพูดของเขาจะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเรื่อย ๆ

ยิ่งในยุคที่โลกกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่ทศวรรษใหม่ ทั้งการเปลี่ยนแปลงของสังคม บวกกับความเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยี จนต้องเลือกว่าพวกคุณจะกล้าก้าวออกมาจาก comfort zone เพื่อฝึกตัวเองให้เป็นคนกล้าท้าทายสิ่งใหม่ หรือจะออกแบบชีวิตและอาชีพตนเองอย่างไร เพื่อเพิ่มโอกาสและความสำเร็จให้ทันการเปลี่ยนแปลง

ผลเช่นนี้ จึงทำให้ “อริญญา เถลิงศรี” กรรมการผู้จัดการ SEAC ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน บอกว่า SEAC เชื่อว่าทางรอดสำคัญสู่การทำงานในโลกทศวรรษใหม่ คือ เรื่องการปรับ mindset (วิธีคิด) และเปลี่ยน skillset (ทักษะ) ในการทำงาน โดยเฉพาะปัจจุบันเราทุกคนไม่สามารถคาดเดาถึงแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างเป็นตัวแปร ทั้งรูปแบบธุรกิจใหม่ การสื่อสารรูปแบบใหม่ หรือการเชื่อมโยงกันในระดับโลกที่ง่าย และสะดวกมากขึ้น

“สิ่งเหล่านี้เป็นแรงขับเคลื่อน และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง (drivers of change) ที่มีส่วนสำคัญต่อการผลักดันให้เราทุกคนต้องมีวิธีคิด และทักษะใหม่ ๆ เพื่อสร้างความสามารถในการพัฒนา และสร้างผลลัพธ์ให้เกิดตามที่ต้องการ โดย SEAC ได้ถอดรหัส 3 เคล็ดลับการออกแบบชีวิต และอาชีพในอุดมคติ เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างความสำเร็จ เพื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าแม้จะเรียนมาไม่ตรงสายก็สามารถทำงานที่เราฝันได้ อีกทั้งทุกวันนี้ใบปริญญาอาจไม่สำคัญเท่ากับความสามารถในการทำความเข้าใจตนเอง สังคม และโลกที่เปลี่ยนไป เพื่อให้เราออกแบบชีวิต และอาชีพ ในการปรับเปลี่ยนวิธีคิด และทักษะได้ตามความต้องการ”

เคล็ดลับที่ 1 – อย่ารอให้การทำงานมาเปลี่ยนชีวิตเรา เราสามารถเลือกวิถีชีวิต และเลือกงานได้

-technology & life integration – เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาอยู่ในทุกมิติของการใช้ชีวิต ทำให้ชีวิตเรามีตัวเลือกมากขึ้น ประหยัดค่าใช้จ่าย ประหยัดเวลา ไปจนถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน หากเรารู้จักวิธีที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

-work & life integration – ปัจจุบันเราไม่สามารถแยกเรื่องของการทำงานออกจากการใช้ชีวิตได้อีกต่อไป ไม่มีใครที่บอกว่าทำงานแค่ 8 โมง ถึง 6 โมงเท่านั้น เพราะเรื่องการทำงานถูกกลืนเข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวัน และสิ่งที่เราทำได้ คือ การบริหารจัดการเวลาด้วยตัวเอง เพื่อให้เกิดการบูรณาการของการทำงาน และการใช้ชีวิตได้อย่างเหมาะสม

-design your own career – ในโลกการทำงานที่เปลี่ยนไป คนเราสามารถออกแบบชีวิต ออกแบบการทำงานได้ด้วยตัวเอง แต่อาจต้องเริ่มจากการตั้งคำถามสำคัญกับตนเอง เช่น สำหรับคนที่อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องเริ่มจากการตั้งคำถามว่า อยากทำงานในอุตสาหกรรมแบบไหน และทักษะตัวไหนบ้างที่จำเป็นในการทำงานนั้น ๆ สำหรับคนที่เป็นฟรีแลนซ์ต้องบอกตัวเองอยู่เสมอว่า อย่าหยุดอยู่แค่บทบาท หรืออาชีพเดียว เพราะความต้องการของลูกค้าทุกวันนี้เปลี่ยนเร็วมาก เราต้องหาวิธีเพิ่มคุณค่าในตัวเอง และสำหรับคนที่เพิ่งจบใหม่ สิ่งที่ต้องทำ คือ ต้องฝันให้ใหญ่ กล้าที่จะล้ม พร้อมเปิดใจเรียนรู้ว่าต้องการอะไรในชีวิต และงานใดที่จะพาเราไปสู่ความฝันนั้น

เคล็ดลับที่ 2 – วิธีคิดที่ชอบ ทักษะที่ใช่ ทำให้เราไปได้ไกลกว่าเดิม

เมื่อเห็นภาพของการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของการใช้ชีวิต และเรื่องของการทำงานแล้ว จนเข้าใจว่าตัวเราเองสามารถเป็นคนออกแบบชีวิต และอาชีพได้อย่างไรนั้น ขั้นตอนต่อไปเพื่อเดินทางให้เข้าใกล้สู่จุดมุ่งหมายนั้น ๆ คือ การเลือกวิธีคิด (mindset)ที่ชอบ ที่จะช่วยให้เราก้าวสู่เป้าหมายของเราได้ดีขึ้น รวมถึงการมีทักษะ (skillset) ที่ใช่ สำหรับอนาคตที่เราอยากมี หรืออยากเป็น

ในส่วนเรื่องของวิธีคิด (mindset) สิ่งเหล่านี้ คือ 5 ทัศนคติที่ช่วยทำให้ฝันของใครหลาย ๆ คนเป็นจริงมาแล้ว

-growth mindset – คือ ความเชื่อที่ว่ามนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่สามารถพัฒนาได้ตลอดชีวิต เป็นอะไรก็ได้ตามที่ใจอยาก มีศักยภาพด้านใดก็ได้ ถ้ามีความทุ่มเท และความพยายามมากพอ

-outward mindset – คือ วิธีคิดที่ช่วยให้เราเปิดกว้างในเรื่องการเรียนรู้จากคนหลากหลายแบบบนโลกใบนี้ ที่อาจไม่ได้ถูกจริต ต้องชะตากันเสมอไป ไม่ได้เห็นด้วยกับเรา 100% ในทุกเรื่อง เพราะแต่ละคนมีโจทย์ชีวิตที่แตกต่างกัน แต่การมีวิธีคิดเช่นนี้จะทำให้เราเห็นความสำคัญของทุกคน เห็นผลประโยชน์สูงสุดร่วมกัน เพิ่มโอกาสในการเรียนรู้จากคนมากหน้าหลายตา ทำให้เราเรียนรู้ได้ในทุกบริบท

-learning mindset – เป็นรูปแบบวิธีคิดที่เชื่อว่ามีแต่ตัวเราเองเท่านั้นที่จะสร้างแรงผลัก ลุกขึ้นมาท้าทายตัวเอง เพื่อให้พัฒนา และเกิดการเรียนรู้ จนสามารถพาตัวเองไปอยู่ในจุดที่สูง และดีกว่าเดิม

-agile mindset – ไม่ยอมแพ้กับอุปสรรค แต่กลับมองเรื่องอุปสรรคความท้าทายต่าง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ เชื่อว่าการทำงาน และการแก้ไขปัญหาร่วมกัน ความพยายามในการปรับแก้ พร้อมหาแนวทางใหม่ ๆ จะนำไปสู่ทางออก และคำตอบใหม่ ๆ ที่ดีกว่าเดิม และสร้างการเปลี่ยนแปลงได้

-curious mindset – คือ วิธีคิดแบบที่ต้องเอาตัวเองไปสู่โลกภายนอกที่เราไม่คุ้นเคย เพื่อเรียนรู้สิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน เพิ่มนิสัยอยากรู้อยากเห็น และกล้าเผชิญความท้าทาย

เมื่อเห็นแล้วว่า 5 วิธีคิดนี้จะช่วยสร้างความสำเร็จ และทำให้ฝันใกล้เป็นจริงขึ้นได้อย่างไร ต้องอย่าลืมหันกลับมามองเรื่องของทักษะที่จำเป็นต้องมีด้วย หากแต่เรื่องของทักษะจะแตกต่างกับเรื่องของวิธีคิด ตรงที่ไม่มีใครตอบได้ว่า ทักษะใดสำคัญที่สุดตอนนี้ เพราะเรื่องทักษะเป็นสิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยน เติมเต็ม และพัฒนา (evolving) อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านความรู้ เทคนิค วิชาการ (hard skills) หรือทักษะทางสังคม หรือด้านอารมณ์ (soft skills)

เคล็ดลับที่ 3 – เทคนิคปรับวิธีคิด เปลี่ยนทักษะ

ทุกวันนี้หลาย ๆ คนทราบกันดีอยู่แล้วว่า วิธีคิดกลายเป็นหัวใจสำคัญในเรื่องการพัฒนาคน เพราะคือสิ่งที่กำหนดพฤติกรรมทั้งหมดของมนุษย์ ซึ่งแปลว่าการพัฒนาวิธีคิดเท่ากับเป็นพื้นฐานที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืน แต่เรื่องการปรับวิธีคิดก็ไม่ใช่ง่าย ๆ หากแต่ต้องใช้เวลาฝึกฝน สร้างให้เกิดเป็นนิสัย เช่นเดียวกัน ในมุมของการพัฒนาเรื่องทักษะความสามารถที่ต้องอาศัยการฝึกปฏิบัติ การลงมือใช้งานเพื่อให้เกิดการเรียนรู้ ประกอบกับต้อง reskill คือ การมองหา และสร้างทักษะใหม่ ๆ ที่ตอบรับกับเทรนด์โลกในปัจจุบัน และการ upskill คือ มุ่งส่งเสริมและพัฒนาทักษะเดิมที่มีอยู่ให้ทักษะนั้นยังสามารถใช้กับโลกปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ


“เคล็ดลับทั้ง 3 ข้อนี้จึงเปรียบเสมือนเป็นทางลัดในการออกแบบชีวิต และอาชีพของคุณให้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างความสำเร็จในแบบที่ต้องการ หากแต่ตัวเราเองนั้นก็ต้องหมั่นบริหาร mindset (วิธีคิด) และ skillset (ทักษะ) อย่างต่อเนื่อง และให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงในยุคปัจจุบันได้อย่างทันท่วงที” อริญญา เถลิงศรี กล่าวสรุป