ไม่นานผ่านมา มหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ (SAU) ลงนามความร่วมมือกับ Palo Alto Networks ผู้นำระบบ network security อันดับท็อปของโลกจากซิลิคอน วัลเลย์ มุ่งพัฒนานักศึกษา และบุคลากรสู่งานด้าน cybersecurity ระดับโลก
“ดร.ธัชพล โปษยานนท์” ผู้อำนวยการบริษัท พาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์ค ประเทศไทยและอินโดจีน กล่าวว่า การเซ็นสัญญาความร่วมมือกับ ม.เอเชียอาคเนย์ ครั้งนี้เป็นการพัฒนาศักยภาพให้กับนักศึกษาด้าน cybersecurity ที่กำลังขาดแคลนบุคลากรอย่างมากทั้งปัจจุบัน และอนาคตในอีก 5 ปีข้างหน้าถึงกว่า 10,000 ตำแหน่ง
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- พบรอยร้าวบ่อฝังกลบกากแคดเมียมของ เบาด์ แอนด์ บียอนด์
- เปิดไทม์ไลน์ลูกค้าซิตี้แบงก์ต้องรู้! ก่อนโอนย้ายบัญชีมาเป็น “ยูโอบี” 21 เม.ย.นี้
“ดังนั้น จึงต้องร่วมกันจากหลายภาคส่วนที่จะพัฒนาบุคลากรเพื่อผลิตนักศึกษาด้าน cybersecurity ให้ได้ 1,000 คนต่อปี โดยโครงการได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ที่มุ่งเน้นพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งเรื่องของการพัฒนาศักยภาพแรงงานในด้านของดิจิทัลด้วย”
“ดร.ธัชพล” กล่าวต่อว่า การลงนามความร่วมมือครั้งนี้มีอยู่ 4 ประเด็นหลักที่สำคัญ ได้แก่
หนึ่ง การถ่ายทอดเทคโนโลยีโดยอบรมคณาจารย์เพื่อสร้าง trainer ที่มีศักยภาพ
สอง การจัดกิจกรรมร่วมกันกับทางมหาวิทยาลัยเพื่อสร้างความตื่นตัวตระหนักรู้และความสนใจของนักศึกษา
สาม การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเน้นทักษะการสร้างเครื่องมือปกป้องภัยด้าน cybersecurity เช่น AI machine learning, IOT security สำหรับเซ็นเซอร์ใหม่ ๆ หรือการพัฒนา smart manufacturing industry 4.0 หรือ cloud security รวมถึงงานวิจัยกับทางมหาวิทยาลัย เพื่อสร้าง platform ใหม่ ๆ ให้กับประเทศไทย
สี่ การสร้างความตระหนักรู้ถึงภัย cyber โดยจัด workshop ในเชิงเทคนิคให้กับนักศึกษา บุคลากร รวมถึงการจัดส่งนักศึกษาไปร่วม bootcamp หรือ hackatron กับผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของไทยและระดับโลก
โดยทั้งพาโล อัลโต้ เน็ตเวิร์ค และมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์มีความตั้งใจร่วมกันอย่างยิ่งในการร่วมมือสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพสู่สังคมและสู่ตลาดแรงงานของประเทศ
“ดร.ฉัททวุฒิ พีชผล” อธิการบดีมหาวิทยาลัยเอเชียอาคเนย์ กล่าวเสริมว่า ความร่วมมือกับ Palo Alto Networks ผู้นำด้านระบบ cyber security ครั้งนี้ถือเป็นการนำหลักสูตรมาพัฒนาร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญตัวจริง เรื่อง cybersecurity ที่กำลังขาดแคลนบุคลากรด้านนี้เป็นจำนวนมาก เพื่อที่จะผลิตบุคลากรด้าน cybersecurity ที่ออกไปทำงานได้จริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายและเป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นว่าเราจะต้องพัฒนาและทำให้ได้
“ความร่วมมือครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะสร้างบุคลากรด้าน cybersecurity ที่มีคุณภาพ มีความสามารถ ทำงานได้จริง มีคุณธรรม และก้าวสู่งานที่มั่นคงต่อไปในอนาคต”