“โค้ชเช” เป็นผู้ชายที่ฟูมฟัก และหล่อหลอม “เทนนิส-พาณิภัค” จนกลายเป็นนักกีฬาระดับโลก
วันนี้ “ดีไลฟ์ ประชาชาติฯ” ชวนมารู้จักเขาให้มากขึ้น
“เช ยองซ็อก” คือชื่อเต็มของโค้ชเช เขาเกิดที่เมืองซ็องนัม ประเทศเกาหลีใต้ เป็นครอบครัวเล็ก ๆ มี “ย่า แม่ และพี่สาว”
ส่วนพ่อของเขาจากไปด้วยโรคมะเร็งตับตั้งแต่โค้ชเชอายุเพียง 7 ขวบ
แน่นอน แม่ของเช ยองซ็อก ต้องรับบทบาททั้งพ่อและแม่ในคนเดียว ไม่ต่างกับมารดาของนายกรัฐมนตรีเศรษฐาที่พ่อจากเขาไปตั้งแต่อายุเพียง 3 ขวบ
ความยากลำบากในการดำรงชีพของคนเป็นแม่ เพื่อหาเลี้ยงคนในครอบครัว ทำให้โค้ชเชต้องแอบกลืนน้ำตาอยู่บ่อย ๆ
เพราะแม่ต้องเดินทางไปทำงานตั้งแต่เช้ามืดจนงานเลิก แล้วรีบกลับมาบ้านหุงหาอาหารให้คนในบ้าน แล้วออกไปทำงานเป็นจ็อบที่สองอีกในแต่ละวัน
โค้ชเชจึงฝังลึก และอยากทำทุกอย่างให้แม่มีความสบาย ไม่ลำบากอย่างที่เห็น แพสชั่นของโค้ชเชเกิดจากความรักและความสงสารที่มีต่อแม่คนนี้คนเดียว แม่ผู้ดุจดั่งนางฟ้า
เขาจึงตั้งใจแน่วแน่ที่จะทำงาน ทำงาน และทำงาน เพื่อผลักดันตัวเองให้ประสบความสำเร็จ นั่นหมายถึง “รายได้” ที่จะตามมา
เขารู้จักกีฬาเทควันโดครั้งแรก สมัยเรียนชั้นประถม ซึ่งมีโรงซ้อมอยู่ใกล้โรงเรียน เขาเห็นการเรียนการเล่นในคลาสที่แสดงถึงท่วงท่าการต่อสู้ ซึ่งดูคล่องแคล่ว แข็งแรง รู้สึกชอบและอยากลองเล่น
เมื่อโรงฝึกซ้อมมีโปรโมชั่นเรียนฟรี เขาไม่พลาดและสมัครเรียนต่อเนื่องด้วยเงินเก็บประมาณเดือนละ 3 หมื่นวอน หรือประมาณ 700 กว่าบาท
ในที่สุดเขาก็ค้นพบตัวเองกับสิ่งที่ชอบและทำได้ดี
เมื่อครูของเขาเห็นพรสวรรค์ในตัวเขา เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบก็เริ่มโปรยปรายมาในชีวิตเขาตั้งแต่นั้น
เช ยองซ็อก ฝึกซ้อมหนักด้วยเป้าหมายที่อยากให้แม่มีความสุขสบาย
เมื่อเข้าแข่งขันชิงแชมป์เทควันโดแห่งชาติ ระดับประถม เชได้เหรียญทองแดงและทุนการศึกษาจากโรงเรียนมัธยมต้นซ็องนัมซอ
เมื่อขึ้นมัธยมต้น ได้เข้าแข่งชิงแชมป์แห่งชาติ เชได้ลำดับที่ 3 ของเกาหลีใต้ และได้เรียนชั้นมัธยมปลายที่พุงแซง ซึ่งโด่งดังมากในเรื่องเทควันโด จนได้พบกับ “ลี คยองแบ” ผู้เปลี่ยนชีวิตเขา
เพราะสอนทุกอย่างให้เช ยองซ็อก เป็นแชมป์เหนือแชมป์ คือไม่สอนเพียงแค่เรื่องการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังสอนถึงการปฏิบัติตัวนอกสนามที่ดีอีกด้วย
ทำให้ชื่อเสียงของเช ยองซ็อก ดังระดับประเทศ และได้เรียนต่อปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยแห่งชาติคังวอน
เชดูไม่โชคดีเท่าไหร่นัก ในช่วงหนึ่งที่เขาเลือกสอบเลือกเรียน ในช่วงคัดตัวผู้เล่นทีมชาติเกาหลีใต้ ทำให้เขาไม่เคยเป็นผู้เล่นทีมชาติเลยสักครั้ง
แต่ด้วยทักษะภาษาอังกฤษที่ได้รับการสอนการแนะจากครูผู้เปลี่ยนชีวิต ก็เป็นจุดแข็งหนึ่งที่ทำให้เช ยองซ็อก ได้งานเป็นโค้ชทีมชาติบาห์เรน แม้รู้สึกโดดเดี่ยว และต้องทนกับอากาศร้อนมาก ๆ เขากลับทนได้ เพราะอยากหาเงินส่งให้แม่ที่เขารักที่สุด
แต่วันหนึ่งแม่ก็จากเขาไปด้วยอาการป่วยกะทันหัน เป็นอาการกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่คาดเดากันว่า เกิดจากการทำงานหนัก พักผ่อนไม่เพียงพอ
ช่วงจังหวะนั้นเขาใช้ชีวิตแบบประชดชีวิต โดยไม่ได้ไปทำงานโค้ชที่ตะวันออกกลางอีก แถมหายใจทิ้งไปวัน ๆ
จนวันหนึ่งครูผู้เปลี่ยนชีวิตก็ทักมาหาเขา และแนะให้มาเป็นโค้ชอีกครั้งที่ประเทศไทย
จากผู้ชายอายุ 28 ปีมาอยู่ในไทยจนอายุ 50 ปี ทั้งสร้างชื่อเสียงในกีฬาเทควันโดให้คนทั่วโลกรู้จัก ช่วยผลักดันให้น้องเทนนิสคว้าเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก 2024
นับว่า “โค้ชเช” เป็นยอดนักโค้ช นักต่อสู้ เป็นบุคลากรล้ำค่าที่น่าชื่นชม
ถ้าสวรรค์มีจริง “คุณแม่ของโค้ชเช” คงส่งยิ้มมาให้เขา ท่ามกลางคนไทยที่รายล้อม พร้อมกับปรบมือกับความสำเร็จที่เขาสร้างขึ้นเอง