ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม หลังตลาดคาดการณ์โอเปกพลัสจะปรับลดกำลังการผลิต
วันที่ 5 กันยายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม เนื่องจากตลาดคาดการณ์ว่าการประชุมของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 5 ก.ย. 65 จะมีการหารือให้ปรับลดกำลังการผลิตลง แม้ว่าแหล่งข่าวจะระบุว่าโอเปกพลัสมีแนวโน้มที่จะคงกำลังการผลิตในเดือน ต.ค. เนื่องจากสัญญาณจากตลาดบ่งชี้ว่าอุปทานยังคงตึงตัว โดยในปัจจุบันผู้ผลิตบางรายของกลุ่มยังคงไม่สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ตามเป้าหมาย และการคว่ำบาตรจากตะวันตกที่คุกคามการส่งออกของรัสเซีย
- ลูกแม่ค้าขายผัก-พ่อขับแท็กซี่ สู่เก้าอี้ “ปลัดพลังงาน” บทพิสูจน์ชีวิต “ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ”
- NETA X ขาย มิ.ย.นี้ ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท หลัง MOU สรรพสามิต
- KBANK ปรับโครงสร้างใหญ่ ลดจำนวนบอร์ด ตั้ง 4 เอ็มดีเป็น “ผู้จัดการใหญ่” มีผล 1 พ.ค.67
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 2 ก.ย. 2565 อยู่ที่ 86.87 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.26 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 93.02 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.66 เหรียญสหรัฐ
Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติสหรัฐปรับลดลงเป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 5 สัปดาห์ โดยปรับลดลง 5 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 760 แท่น สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 2 ก.ย.
Gazprom บริษัทพลังงานรายใหญ่ของรัสเซียกล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า การจ่ายก๊าซธรรมชาติผ่านทางท่อส่ง Nord Stream 1 จะยังคงหยุดดำเนินการ หลังจากที่พบว่ามีน้ำมันรั่วไหลที่สถานี Portovaya ใกล้เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก โดยขณะนี้ยังไม่มีกำหนดการว่าจะสามารถกลับมาดำเนินการได้เมื่อไหร่
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในประเทศจีน โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนหดตัวลงเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน มาอยู่ที่ระดับ 49.4 ในเดือน ส.ค. ซึ่งลดลงจาก เดือน ก.ค. ที่ระดับ 50.4 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.2
ราคาน้ำมันเบนซิน
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ปรับลดลง 1.2 ล้านบาร์เรล แตะระดับ 214.5 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงกดดันจากอุปสงค์ที่ลดลงของมาเลเซียและแอฟริกาใต้
ราคาน้ำมันดีเซล
ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการน้ำมันดีเซลของยุโรปและในเอเซียที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางอุปทานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากทั้งไต้หวันและสิงคโปร์