ราคาน้ำมันดิบ (24 พ.ย. 65) ปรับลด G7 เคาะข้อเสนอกำหนดเพดานน้ำมันรัสเซีย

ราคาน้ำมันดิบ

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังกลุ่ม G7 เคาะข้อเสนอการกำหนดเพดานราคาน้ำมันดิบรัสเซีย

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่าปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังกลุ่ม G7 เผยกรอบราคาของมาตรการกำหนดเพดานราคาน้ำมัน (Price Cap) สำหรับการซื้อขายน้ำมันดิบรัสเซียที่ระดับ 65-70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ในกลุ่มยังคงมีความเห็นไม่ตรงกัน เช่น โปแลนด์และประเทศในกลุ่มทะเลบอลติก มองว่าระดับราคานี้สูงเกินไป ขณะที่หลายประเทศที่อยู่ในอุตสาหกรรมการขนส่งหลัก เช่น กรีซ ยังคงมองว่าราคาไม่ควรต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล โดยจะมีการหารือในกลุ่มประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปอีกครั้งในวันนี้

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 23 พ.ย. 2565 อยู่ที่ 77.94 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -3.01 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 85.41 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.95 เหรียญสหรัฐ

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในจีนยังคงน่ากังวล หลังจำนวนยอดผู้ติดเชื้อโควิดยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องแตะระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย. 65 ส่งผลให้ทางการใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 หรือ Zero COVID ที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมัน

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) รายงานตัวเลขน้ำมันดิบคงคลัง ประจำสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 18 พ.ย. 65 ลดลง 3.69 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 431.7 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าจะปรับตัวลดลงเพียง 2.61 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตลาดคาดความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในมาเลเซียปรับเพิ่มขึ้นจากกิจกรรมขับขี่ในช่วงก่อนการเลือกตั้ง ขณะที่ปริมาณการนำเข้าน้ำมันเบนซินของอินโดนีเซียในเดือน ต.ค.ปรับตัวสูงขึ้น 1.47% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในออสเตรเลียมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศที่ปรับตัวสูงขึ้น