ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มขึ้น หลังจีดีพีไตรมาส 4/65 สหรัฐ ออกมาดีเกินคาด
วันที่ 27 มกราคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสและเบรนต์ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังการเปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐ (GDP) สูงกว่าที่คาดไว้
โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ของ GDP ไตรมาส 4/65 ขยายตัว 2.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.8% โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคในช่วงสิ้นปี 2565
ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ ในด้านอื่น ๆ ออกมาดีเกินคาดเช่นกัน โดยเฉพาะตัวเลขยอดขายบ้านใหม่เดือน ธ.ค. 2565 ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 2.3% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา สู่ระดับ 610,000 ยูนิต
นอกจากนี้ ยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนในเดือน ธ.ค. 2565 ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.6% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.4%
ราคายังได้รับแรงหนุนจากปริมาณอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันอย่างต่อเนื่องจากจีนภายหลังการเปิดประเทศ โดยนายจิโอวานนี สตอโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า การที่จีนประกาศเปิดพรมแดนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันในภาพรวม
สำหรับราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส ราคาเมื่อวันที่ 26 ม.ค. 2566 อยู่ที่ 81.01 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเบรนต์ อยู่ที่ 87.47 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง 0.35 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินในอินเดียมีแนวโน้มลดลง โดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของเดือน ม.ค. 66 หลังอินเดียเผชิญกับคลื่นความหนาวเย็นที่รุนแรงและมีหมอกหนาปกคลุม ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศลดลง
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลัง JODI รายงานปริมาณอุปสงค์น้ำมันดีเซลในซาอุดิอาระเบียปรับลดลงกว่า 7.9% มาอยู่ที่ระดับ 6.7 แสนบาร์เรลต่อวัน ซึ่งถือเป็นปริมาณที่ต่ำที่สุดในรอบ 6 เดือน