ราคาน้ำมันดิบ (31 ม.ค. 66) ปรับลด 2% กังวลดอกเบี้ยขาขึ้น กระทบดีมานด์

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Johannes EISELE / AFP

ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังกังวลดอกเบี้ยขาขึ้นส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

วันที่ 31 มกราคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 2% หลังตลาดกังวลการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางชั้นนำของโลกจะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมัน

โดยตลาดคาดธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นราว 0.25% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค.-1 ก.พ.นี้ ซึ่งจะสอดคล้องกันกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) ที่คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเช่นกัน

อุปทานของรัสเซียยังคงปรับเพิ่มขึ้น แม้ว่าสหภาพยุโรปจะมีการห้ามนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ธ.ค. 65 หลังรัสเซียสามารถส่งออกไปยังอินเดีย และจีนเพิ่มมากขึ้น

การประชุมของกลุ่ม OPEC+ ในวันที่ 1 ก.พ. คาดกลุ่มผู้ผลิตมีแนวโน้มที่จะคงนโยบายเดิมในการปรับลดำลังการผลิต ท่ามกลางความไม่แน่นอนของอุปสงค์และอุปทาน เพื่อรักษาสมดุลตลาดไว้

สถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางเริ่มร้อนร้อนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังแหล่งข่าวมีการเปิดเผยว่าอิสราเอลใช้โดรนเข้าโจมตีโรงงานผลิตอาวุธในอิหร่าน สร้างความกังวลหากอิหร่านมีการตอบโต้และเกิดความรุนแรงซึ่งอาจจะกระทบต่อการผลิตและการขนส่งน้ำมัน

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อยู่ที่ 77.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.78 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล น้ำมันดิบเบรนต์ อยู่ที่ 84.90 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.76 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 82.49 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง 1.51 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบ 31 มค 66

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการส่งออกของจีนคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ. 66 เนื่องจากความต้องการใช้ลดลงหลังเทศกาลตรุษจีน อย่างไรก็ตาม ราคายังได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในภูมิภาคที่ยังอยู่ในระดับสูง

ราคาน้ำมันดีเซล


ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ ตามตลาดยุโรปที่ปรับลดลงค่อนข้างมาก จากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงและสต๊อกที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มตึงตัวมากขึ้น หลังยุโรปห้ามนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปจากรัสเซียตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ. 2566