กองทุนน้ำมัน ผ่านจุดต่ำสุดหรือยัง

กองทุนน้ำมัน

สถานการณ์ราคาพลังงาน โดยเฉพาะน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มผ่อนคลายลง จีนเปิดประเทศ ประกอบกับภาครัฐยังคงพิจารณาลดภาษีดีเซลต่อ การบริหารเงินกองทุนน้ำมันจึงง่ายขึ้น เพราะมีสภาพคล่องเพิ่มเข้ามา ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.)

ประกาศข่าวดีกับประชาชนครั้งแรกในรอบ 7 เดือน สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เองก็สามารถเรียกเก็บเงินดีเซลเข้ากองทุนได้ราว 5 บาทต่อลิตร และคาดว่าผ่านจุดที่กองทุนน้ำมันติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ถึง 1.3 แสนล้านบาทมาได้แล้ว

2 ปัจจัยหนุน-ลดราคาดีเซล

นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (กบน.) เห็นชอบการปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลง 50 สตางค์/ลิตร ส่งผลให้ราคาขายปลีกดีเซลอยู่ที่ 34.50 บาท/ลิตร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 15 ก.พ. 66 เป็นต้นไป โดยการปรับลดครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน

หลังจากที่ขยับราคาน้ำมันดีเซลมาอยู่ที่ 35 บาท/ลิตร ตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย. 65 ที่ผ่านมา

โดยการปรับลดราคาขายปลีกดังกล่าวเป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยสำคัญคือ ปัจจัยด้านสถานการณ์ราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลง โดยมีสัญญาณการลดลงตั้งแต่เดือน พ.ย. 65 ที่ผ่านมา ราคาเฉลี่ยน้ำมันดีเซล (Gas Oil) ตลาดโลกอยู่ที่ 135.53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และในเดือน ม.ค. 66 ราคาน้ำมันดีเซลลดลงเฉลี่ยอยู่ที่ 116.12 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

รวมทั้งยังมีปัจจัยจากการที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติปรับอัตราภาษีลดลงประมาณ 5 บาท/ลิตร ต่อไปอีกเป็นเวลา 4 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 ม.ค.-20 พ.ค. 66 โดยเป็นมาตรการต่อเนื่องตั้งแต่ ก.พ.65 เป็นต้นมา จึงส่งผลให้การบริหารจัดการสภาพคล่องของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ลุ้นมีโอกาสลดอีกถึง 2 บาท

หากดูจากการลดราคา 50 สตางค์ต่อลิตรดังกล่าวนั้นเป็นการทยอยลด เพื่อให้สอดคล้องกับตลาดโลกที่ยังผันผวน และเพื่อไม่ให้กองทุนขาดรายได้มากเกินไป หรือมีความเสี่ยงเกินไป ส่วนจะลดได้ถึง 2 บาทต่อลิตร ตามที่กระทรวงการคลังเรียกร้องมาก่อนหน้านี้หรือไม่นั้น “มีโอกาสเป็นไปได้” เช่นกัน

ลด 1 บาท รัฐสูญ 2 พันล้าน/เดือน

อย่างไรก็ตาม หากย้อนมองถึงสถานการณ์การใช้เงินกองทุนตรึงราคาดีเซลดังข้างต้นนั้น รวม 6 รอบ มีมูลค่ามากถึง 1.48 แสนล้านบาท หรือกล่าวได้ว่า ในทุก ๆ 1 บาทที่ลดลง รัฐจะเสียรายได้ถึง 2 พันล้านบาทต่อเดือน โดยจากข้อมูลพบว่า

ในการตรึงราคาดีเซล ครั้งที่ 1 ช่วง 18 ก.พ.-20 พ.ค. 65 ลดภาษี 3 บาท/ลิตร 3 เดือน จะเสียรายได้ 18,000 ล้านบาท

ครั้งที่ 2 ช่วง 21 พ.ค.-20 ก.ค. 65 ลดภาษี 5 บาท/ลิตร 3 เดือน 30,000 ล้านบาท

ครั้งที่ 3 ช่วง 20 ก.ค.-20 ก.ย. 65 ลดภาษี 5 บาท/ลิตร 2 เดือน 20,000 ล้านบาท

ครั้งที่ 4 ช่วง 21 ก.ย.-20 พ.ย. 65 ลดภาษี 5 บาทต่อลิตร 2 เดือน 20,000 ล้านบาท

ครั้งที่ 5 ช่วง 21 พ.ย.-20 ม.ค. 66 ลดภาษี 5 บาท/ลิตร 3 เดือน 20,000 ล้านบาท

และ ครั้งที่ 6 ช่วง 21 ม.ค. 66-20 พ.ค. 66 ลดภาษี 5 บาท/ลิตร 40,000 ล้านบาท จากนี้ต้องลุ้นว่าการฟื้นฟูสภาพคล่องกองทุนน้ำมันจะเป็นอย่างไรต่อไป

ตาราง ชำแหละการใช้เงิน

กองทุนติดลบลดลง

ในช่วงที่ผ่านมา ผลจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลนั้น ส่งผลให้กองทุนน้ำมันติดลบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง1.3 แสนล้านบาท แต่ล่าสุดตัวเลขอัพเดต ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง วันที่ 29 มกราคม 2566 ติดลบอยู่ที่ 113,436 ล้านบาท ถือว่าลดลงตามลำดับ

ส่วนแผนการกู้นั้น เฟสแรกได้ดำเนินการกู้เงินจากสถาบันการเงินรวม 30,000 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว จากธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสิน เพื่อทยอยนำไปชำระหนี้คู่ค้าน้ำมัน โดยจะทยอยเก็บเงินจากกลุ่มผู้ใช้ดีเซล มาคืนหนี้พร้อมดอกเบี้ย ในช่วงที่ราคาดีเซลเป็นขาลง

“ขณะที่การกู้เฟสที่ 2 รอบที่สอง คาดว่าไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้ยังต้องรอการประชุมแผนกำหนดกรอบหนี้สาธารณะของประเทศ โดยในปีนี้ คาดว่ากองทุนน้ำมันจะสามารถดำเนินการกู้เงินได้ตามแผนที่วางไว้ ภายใต้กระทรวงการคลังค้ำประกันเงินกู้วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท ภายในกรอบระยะเวลา 1 ปี นับจากวันที่ 6 ต.ค. 2565-5 ต.ค. 2566”

ตลาดดีเซลปี 2566 แผ่ว

นายพรชัย จิรกุลไพศาล ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ (สกนช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ประเมินเบื้องต้นว่าราคาน้ำมันตลาดดีเซลปี 2566 จะไม่ร้อนแรงเท่ากับปี 2565 เนื่องจากมีทั้งปัจจัยบวกและลบในคราวเดียวกัน โดยปัจจัยบวกที่จะทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น ได้แก่

การเปิดประเทศของจีน เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวของกลุ่มประเทศผู้ค้าน้ำมัน ที่ส่งผลต่อระดับราคาน้ำมันโลก สงครามรัสเซีย-ยูเครนยังคงยืดเยื้อ ขณะที่ปัจจัยลบนั้น ต้องจับตาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะทำให้เศรษฐกิจโลกถดถอย

“ปีนี้เราพยายามบริหารกองทุนน้ำมันไม่ให้กระทบต่อประชาชน ส่วนราคาดีเซลแม้ตลาดโลกจะลด แต่เรายังคงไม่อาจลดราคาขายปลีกให้ได้ เพราะยังมีภาระหนี้สูงจากการตรึงราคาที่ผ่านมา ประกอบกับยังมีภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตรที่ต้องรอการพิจารณาจากคลัง ว่าจะขยายเวลาลดให้ต่อไปหรือไม่ จากที่จะสิ้นสุด 20 ม.ค. 66

ส่วน LPG ที่ตรึงไว้ 408 บาทต่อถัง 15 กก. สิ้นสุด 31 ม.ค. ต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบ ในส่วนนี้ สกนช.จึงยังตอบได้ยากว่าจะเป็นอย่างไร”

ส่วนคาดการณ์ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ปี 2566 ตามข้อมูลของกรมธุรกิจพลังงาน ระบุว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีปริมาณการใช้ดีเซล เฉลี่ย 73.05 ล้านลิตรต่อวัน จากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว