กองทุนน้ำมันปิดปี’65 ติดลบ1.2 แสนล้าน เตรียมกู้เงินเพิ่ม หลังกู้แล้ว 3 หมื่นล้าน

กองทุนน้ำมัน

“สกนช.” เดินหน้ารักษาสภาพคล่องกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2565 ติดลบ 1.2 แสนล้าน เตรียมกู้เงินเพิ่มหลังกู้ลอตแรก 3 หมื่นล้านบาทแล้ว กางแผนระยะสั้นเน้นตรึงดีเซลไม่เกิน 35 บาทต่อลิตร ประเมินราคาน้ำมันโลกไม่ร้อนแรงเท่าปี 2565 รอลุ้นคลังเคาะขยายเวลาลดภาษีฯ

วันที่ 4 มกราคม 2566 นายวิศักดิ์ วัฒนศัพท์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) เปิดเผยว่ายอมรับราคาน้ำมันยังคงผันผวนพอสมควร ซึ่งคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบน.) ที่มีนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน เป็นประธาน มีการติดตามสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลกอย่างใกล้ชิด

โดยเบื้องต้นกองทุนประเมินราคาน้ำมันดีเซลปี 2566 ไม่น่าจะไม่ร้อนแรงเท่ากับปี 2565 โดยคาดว่าเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ 105 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่กรณีเลวร้ายคาดว่าจะอยู่ที่ 150 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากราคาเฉลี่ยปี 2565 อยู่ที่ 135.54 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

วิศักดิ์ วัฒนศัพท์
วิศักดิ์ วัฒนศัพท์

“ในระยะสั้นกองทุนจะยังคงบริหารดูแลราคาขายปลีกดีเซลไม่ให้เกิน 35 บาทต่อลิตร ซึ่งจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรหรือไม่ ขึ้นอยู่กับนโยบายภาครัฐและราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งที่ผ่านมาแม้ราคาดีเซลตลาดโลกจะลดลง แต่กองทุนยังไม่ลดราคาขายปลีกดีเซลในประเทศลง เพราะกองทุนยังติดลบและยังมีภาระหนี้สูงจากการตรึงราคาที่ผ่านมา ประกอบกับยังมีลดหย่อนภาษีสรรพสามิตดีเซล 5 บาทต่อลิตร ที่จะสิ้นสุดวันที่ 20 ม.ค. 2566 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการพิจารณากระทรวงการคลังว่าจะขยายเวลาลดหย่อนออกไปอีกหรือไม่”

ในส่วนของราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ที่ทยอยขึ้นแบบขั้นบันไดจาก 318 บาทต่อถัง 15 กก. มาตรึงอยู่ที่ 408 บาทต่อถัง 15 กก.ในปัจจุบันจะสิ้นสุดวันที่ 31 ม.ค. 2566 ต้องรอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) พิจารณา

ทั้งนี้ จากการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิงดังกล่าว ส่งผลให้ฐานะกองทุน ณ วันที่ 1 ม.ค. 2566 ติดลบสุทธิ 121,491 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีแอลพีจีติดลบ 44,300 ล้านบาท จากการอุดหนุนแอลพีจีปัจจุบันอยู่ที่ 6.12 บาทต่อกก. ส่วนน้ำมันติดลบ 77,191 ล้านบาท ขณะที่มีการจัดเก็บอัตราเงินนำส่งเข้ากองทุนในส่วนของดีเซลลิตรละ 3.72 บาท แก๊สโซฮอล์ 95,91 ลิตรละ 1.70 บาท E85 และ E20 ลิตรละ 0.010 บาท ทำให้ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาเริ่มมีเงินไหลเข้ากองทุนสะสมประมาณ 8,000 ล้านบาท

นายวิศักดิ์กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับความคืบหน้าการบริหารเงินกู้หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ผ่อนผันให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการชำระหนี้ของสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2565 มีผลใช้บังคับแล้วภายใต้กรอบวงเงินทั้งสิ้น 1.5 แสนล้านบาท กองทุนได้ลงนามสัญญากู้เงินรอบแรกกับธนาคารกรุงไทยและธนาคารออมสินแล้ว 30,000 ล้านบาท เพื่อทยอยนำไปชำระหนี้คู่ค้าน้ำมัน

ขณะที่กรอบวงเงินที่เหลืออีก 1.2 แสนล้านบาทนั้น วันที่ 9 ม.ค.นี้ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จะหารือนำกรอบวงเงินกู้ไปพิจารณาบริหารกรอบหนี้สาธารณะรวมของประเทศ ก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบต่อไป พร้อมเร่งประสานให้พิจารณาทั้งหมดภายในปีนี้ตามกรอบเวลาที่กำหนดไว้ เพื่อที่จะทยอยกู้มาคืนเงินค้างชำระผู้ค้าน้ำมันมาตรา 7 โดยคาดว่าจะได้รับการอนุมัติกรอบเงินกู้ครั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท