อินโนบิก-แอซทีค เดินหน้าศึกษาร่วมทุนจัดตั้งโรงงานยาชีววัตถุคล้ายคลึง

อินโนบิก-แอซทีค

อินโนบิก-แอซทีค เดินหน้าศึกษาร่วมทุนจัดตั้ง “โรงงานยาชีววัตถุคล้ายคลึง” สร้างศักยภาพและพัฒนาแพลตฟอร์มในการผลิตยา ด้วยไบโอเทคโนโลยี

วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจใหม่และโครงสร้างพื้นฐาน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และประธานกรรมการ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด พร้อมด้วย นายโรเบิร์ต เวสแมน ประธานบริษัท โลตัส ฟาร์มมาซูติคอล จำกัด (Lotus Pharmaceutical Co.,Ltd. : Lotus Pharmaceutical) และเป็นผู้ก่อตั้งและประธานบริษัท อัลโวเจน (Alvogen) และแอซทีค (Aztiq) ร่วมลงนามใน MOU “The Investment and Development of Biosimilar Manufacturing Facilities in Thailand” ผนึกกำลังศึกษาการร่วมจัดตั้งโรงงานผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilar) ในประเทศไทย ด้วยเทคโนโลยีระดับสากล พร้อมเครือข่ายการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ไปสู่ภูมิภาคอื่นทั่วโลก ตั้งเป้าลงทุนภายในปีนี้

ดร.บุรณิน รัตนสมบัติ เปิดเผยว่า เมื่อปี 2565 อินโนบิกได้จับมือกับกลุ่ม Aztiq เข้าลงทุนในบริษัท โลตัส ฟาร์มาซูติคอล (Lotus Pharmaceutical Co. Ltd : Lotus Pharmaceutical) บริษัทยาชั้นนำในเอเชียที่มีการเข้าถึงทั่วโลก โดยความร่วมมือเพิ่มเติมในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญตามยุทธศาสตร์ของอินโนบิกที่จะขยายธุรกิจเข้าไปในกลุ่มยา Biosimilar ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของกลุ่มยารักษาโรคมะเร็ง และโรคอื่น ๆ

โดยอาศัยความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและเทคโนโลยีในการผลิตยา ลดการนำเข้า และสามารถส่งออกเพื่อสร้างมูลค่าให้แก่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ (Biotechnology) ให้เกิดขึ้นกับประเทศอีกด้วย

“ที่ผ่านมา อินโนบิกได้ร่วมกับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ศึกษาจัดตั้งโรงงานผลิตยารักษามะเร็งในไทย ซึ่งต่อมาอินโนนิกได้ขยายขอบเขตการศึกษาไปถึงโรงงานประเภท Biosimilar เพื่อให้สามารถผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง ขยายการรักษาในกลุ่มโรคอื่น ๆ โดยอาศัยความเชี่ยวชาญระดับสากลของกลุ่ม Aztiq เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง และเป็นหนึ่งในผู้ทำการวิจัย ถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต การ Supply สารตั้งต้นในการผลิต ตลอดจนเครือข่ายการตลาดการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ โดยมีเป้าหมายการร่วมทุนจัดตั้งบริษัทและโรงงานยา Biosimilar ในประเทศภายในปีนี้”


ความร่วมมือศึกษาการจัดตั้งโรงงานผลิตยาชีววัตถุคล้ายคลึง (Biosimilar) ในครั้งนี้ ไม่เพียงจะมีส่วนสำคัญช่วยให้คนไทยเข้าถึงยาพื้นฐานที่หลากหลาย ในราคาที่จับต้องได้ ลดการพึ่งพิงการนำเข้า อีกทั้งยังสามารถขยายตลาดไปสู่ระดับสากล ซึ่งจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยและภูมิภาคเอเชีย ให้มีความเข้มแข็งขึ้นในอนาคตอีกด้วย