ราคาหมูดิ่ง 20 บาท/กก. ส.ผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือรอนโยบายพรรคการเมือง กู้วิกฤตหมูเถื่อน

หมูเถื่อน ปก

สมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ วอนภาครัฐและพรรคการเมือง เร่งปราบปรามให้สิ้นซาก “หมูเถื่อน” หลังระบาด 1 ปี ยังมีขบวนการลักลอบนำเข้ามาต่อเนื่อง ทุบราคาในประเทศตกต่ำต่อเนื่อง กก.ละ 20 บาท หวั่นเกษตร 1.2 แสนขาดทุนสะสมเลิกกิจการ แผนฟื้นฟูการเลี้ยงล่ม

วันที่ 13 มีนาคม 2566 นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์ นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรภาคเหนือ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาหมูหน้าฟาร์มลดลง อย่างต่อเนื่องในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เพียง 80 บาทต่อกก.จากเดือนธันวาคม 2566 ที่ราคา 100 บาท/กก.และขณะที่บางพื้นที่เหลือเพียง 76 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น มีโอกาสที่จะลงไปแตะ 70 บาทได้ ซึ่งเป็นผลกระทบมาจากการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนมาดัมพ์ราคาหมูไทยมานานกว่า 1 ปี

นายสุนทราภรณ์ สิงห์รีวงศ์

สมาคมขอฝากพรรคการเมืองที่ลงพื้นที่หาเสียงสู้ศึกเลือกตั้งขณะนี้ ให้กำหนดแผนการเร่งปราบปรามหมูเถื่อนเป็น 1 ในแนวทางส่งเสริมการเลี้ยงหมูและรักษาเสถียรภาพราคาในระยะยาว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรภาคปศุสัตว์ เพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพอย่างยั่งยืน และเดินหน้าการผลิตได้อย่างต่อเนื่องเพราะผู้เลี้ยงหมูมีอาชีพเดียว ไม่มีทางเลือกเหมือนอาชีพอื่น

หากสถานการณ์ราคายังคงลดลงต่อเนื่องเช่นนี้ จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นฟูภาคการผลิตเพราะเกษตรกรขาดความมั่นใจในเสถียรภาพราคา ประกอบกับต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์ยังอยู่ในระดังสูงเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 30% ตั้งแต่ปลายปี 2564 โดยเฉพาะข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ รวมถึงปัจจัยการป้องกันโรคระบาด ทำให้ต้นทุนการผลิตสวนทางกับราคาที่ขายได้

“ไทยเจอปัญหาหมูเถื่อน มานานกว่า 1 ปี แต่ก็ยังไม่สามารถปราบปรามได้อย่างเด็ดขาด และไม่สามารถดำเนินคดีลงโทษสูงสุดกับขนวนการลักลอบนำเข้าได้ ทำให้หมูเถื่อนยังคงเป็นปัญหาให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน จึงขอเรียกร้องภาครัฐและพรรคการเมือง แทนพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทุกคน อย่าปล่อยให้พวกเราแก้ปัญหากันเองตามลำพัง เพราะเราไม่มีสรรพกำลังและอำนาจในการจับกุมหมูเถื่อน แต่เป็นผู้รับชะตากรรมจากผลของราคาที่ตกต่ำทุกวันนี้ ที่ผ่านมาเกษตรกรจำนวนมากเร่งฟื้นฟูผลผลิตของตัวเองเพราะมั่นใจในนโยบายรัฐ และหวังจะยืนหยัดในอาชีพ แต่วันนี้เริ่มถอดใจเพราะเห็นราคาที่ขาดทุนอยู่ข้างหน้า” นายสุนทราภรณ์กล่าว

นายสุนทราภรณ์กล่าวว่า ที่ผ่านมา ภาครัฐทั้งกรมปศุสัตว์ กรมศุลกากร ตำรวจ ทหาร ร่วมมือกันปราบปรามและจับกุมหมูเถื่อนลักลอบนำเข้าไทยมาได้ของกลางมากกว่า 1 ล้านกิโลกรัม เป็นกำลังใจอย่างดีให้เกษตรกร แต่ยังมีหมูผิดกฎหมายอีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกจับกุม ทำความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมสุกรของไทย ที่สำคัญหมูเถื่อนเหล่านี้ไม่ผ่านการตรวจสารปนเปื้อนและโรคระบาดสัตว์ตามมาตรฐานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นอันตรายกับต่อสุขภาพที่ดีของผู้บริโภคและเป็นพาหะนำโรค อาจจะก่อให้เกิดการระบาดของโรค ASF ซ้ำได้ ภาครัฐจึงจำเป็นต้องกวาดล้างให้หมด ที่สำคัญต้องจับกุมหัวหน้าขบวนการมาลงโทษสูงสุดตามกฎหมาย

“เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูทั่วประเทศมีไม่น้อยกว่า 120,000-130,000 ราย และยังมีสมาชิกในครอบครัวที่ต้องเลี้ยงดูรวมแล้วหลายแสนคน หากได้รับการใส่ใจจากพรรคการเมืองในการแก้ปัญหาหมูเถื่อน และส่งเสริมการผลิตบ้างก็จะเป็นเรื่องดีและเป็นกำลังใจให้มีการเลี้ยงหมูคุณภาพดี ไม่มีสารเร่งเนื้อแดง ให้คนไทยได้บริโภคอย่างปลอดภัยและเพียงพอ” นายสุนทราภรณ์กล่าว

นายสุนทราภรณ์ย้ำว่า ภาครัฐอย่าปล่อย “เกียร์ว่าง” เพราะหมูเถื่อนยังคงลักลอบเข้าประเทศทุกวัน หากขาดการตรวจสอบอย่างเข้มงวด จะเป็นผลกระทบร้ายแรงกับราคาหมูในประเทศให้ตกต่ำลงไปอีก ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัญหาเร่งด่วนที่ต้องเร่งแก้ไข