จุดความร้อนไทยวานนี้ 3,280 จุด เชียงใหม่นำโด่ง PM 2.5 แม่ฮ่องสอนน่าห่วง

แม่ฮ่องสอน
แฟ้มภาพมติชนออนไลน์

จุดความร้อนทั่วประเทศวานนี้ 3,280 จุด เชียงใหม่นำต่อเนื่อง 320 จุด และยังพบมากที่สุดในป่าอนุรักษ์ 1,951 จุด ส่วน PM 2.5 ภาคเหนือยังวิกฤตหลายจังหวัดสูงกว่าค่ามาตรฐานกว่า 6 เท่า

วันที่ 7 เมษายน 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยว่าข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 6 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อน 3,280 จุด โดย สปป.ลาว นำสูงสุดอยู่ที่ 9,653 จุด, พม่า 7,161 จุด, เวียดนาม 1,516 จุด, กัมพูชา 767 และมาเลเซีย 17 จุด

ด้าน ดร.สยาม ลววิโรจน์วงศ์ โฆษก GISTDA และผู้อำนวยการสำนักประยุกต์และบริหารภูมิสารสนเทศของ GISTDA กล่าวว่า จุดความร้อนในประเทศไทย ยังคงพบในพื้นป่าอนุรักษ์มากที่สุดถึง 1,951 จุด ตามด้วยป่าสงวนแห่งชาติ 879 จุด, พื้นที่เกษตร 191 จุด, พื้นที่เขต ส.ป.ก. 129 จุด, พื้นที่ชุมชนอื่น ๆ 122 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 8 จุด

               

ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุด 3 อันดับ คือ #เชียงใหม่ 320 จุด, #เชียงราย 289 จุด และ #แม่ฮ่องสอน 281 จุด ส่วนค่าฝุ่น PM 2.5 เช้าวันนี้ก็ทางภาคเหนือยังคงน่าเป็นห่วงมาก

เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมาพบหลายจังหวัดมีค่า PM 2.5 อยู่ในระดับสีแดง และมีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยเฉพาะที่จังหวัด #แม่ฮ่องสอน #เชียงราย #น่าน #เชียงใหม่ #พะเยา ที่มีค่า PM 2.5 สูงสุดกว่า 300 ไมโครกรัม หรือกว่า 6 เท่าของเกณฑ์ค่ามาตรฐาน ตามด้วย #ลำพูน #ลำปาง #หนองคาย #เลย #แพร่ เป็นต้น

ควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบค่าคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ

ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่าง ๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชั่น “#เช็คฝุ่น”