สงกรานต์ 2566 คนไทยใช้จ่ายอะไรบ้าง?

สงกรานต์ 2566 คนไทยใช้จ่ายอะไรบ้าง
แฟ้มภาพ

เทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า จะมีการใช้จ่ายสะพัดถึง 125,000 ล้านบาท สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจ ได้ 0.5-0.7% คนไทยจับจ่ายเงินไปทำอะไรบ้าง

รศ.ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาประจำสภามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผย ผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2566 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,350 คน พบว่า ส่วนใหญ่ 72% มีแผนเดินทางไปท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนา

เป็นที่น่าสังเกตว่า ประชาชนส่วนใหญ่แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และฝุ่น PM 2.5  อาจจะมีผู้ที่ยกเลิกการท่องเที่ยวเพียง 10% เท่านั้น ส่วนใหญ่ 50-55% ยังคงท่องเที่ยวต่อ เพียงแต่ปรับเปลี่ยนแหล่งท่องเที่ยวทางทะเล และภาคกลางมากขึ้นทำให้จังหวัดที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ ชลบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์ และระยอง

สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศ ประชาชน เตรียมเงินไว้เฉลี่ยคนละ 7,091 บาท ส่วนกลุ่มที่มีแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ เตรียมเงินไว้เฉลี่ยคนละ 54,681 บาท

กิจกรรมที่คนไทยจะทำในช่วงสงกรานต์ หลักๆ ยังเป็นการทำบุญ เล่นน้ำสงกรานต์ ไปไหว้พระ/ไหว้เจ้า ทำกิจกรรมสังสรรค์เพิ่มมากขึ้น ทำอาหารทานที่บ้าน ไปทานอาหารนอกบ้าน

ส่วนการจับจ่ายสูงสุดจะอยู่ที่ การซื้อสินค้าฟุ่มเฟื่อย เช่น เครื่องประดับ ทอง เฉลี่ยที่ 9,510 บาท รองลงมาจะเป็นกลุ่มที่เดินทางกลับบ้านต่างจังหวัดใช้จ่าย 4,616 บาท ซื้อสินค้าคงทน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องเรือนเพิ่มมากขึ้น ประมาณ 4,443 บาท ไหว้รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ 2,307 บาท ซื้อสินค้าอุปโภค 1,502 บาท  ทานข้าวนอกบ้าน 1,115 บาท ทำบุญ 1,109 บาท ใช้เที่ยวเพื่อความบันเทิง 1,100 บาท  ซื้อสุราในระดับใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาที่ 1,090 บาท (ตามภาพกราฟิก)

ค่าใช้จ่ายในช่วงสงกรานต์

อย่างไรก็ตาม นางอุมากมล สุนทรสุรัติ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ระบุว่า ภาพรวมเงินสะพัดในช่วงเทศกาลการสงกรานต์ ปี 2566 อยู่ที่ 125,000 ล้านบาท นั้นถือว่า เพิ่มขึ้น 17.3% จากปี 2565 ที่มีมูลค่า 106,772 ล้านบาทก็จริง

แต่หากเทียบกับ ก่อนโควิด ปี 2562 ที่มีมูลค่า 135,837 ล้านบาท ถือว่าปรับลดลง7.8% ประชาชนยังแฝงความกังวลเกี่ยวกับ เศรษฐกิจที่ชะลอตัว และราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ในมุมประชาชนจึงมองว่า  GDP ปี 2566 จะขยายตัว 2.5 ถึง 3% ขณะที่หอการค้ามองว่าจะขยายตัว 3-4% ดังนั้น จึงต้องมาติดตามดูต่อไปว่าเศรษฐกิจไทยหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร