จุดความร้อนไทย 289 จุด ค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 4 จังหวัด

จุดความร้อน เผาป่า
Photo : Pixabay

จุดความร้อนของไทยทั่วประเทศเหลือ 289 จุด อยุธยา-เชียงรายนำ ส่วนค่าฝุ่น PM 2.5 เกินมาตรฐาน 4 จังหวัด

วันที่ 25 เมษายน 2566 สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยว่า ข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของวันที่ 24 เมษายน 2566 ไทยพบจุดความร้อนลดลงเหลือ 289 จุด สาเหตุหลักคาดว่ามาจากหลายพื้นที่ของประเทศเกิดพายุลมแรงและฝนตก เนื่องจากพายุฤดูร้อน ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ครองอันดับหนึ่งอยู่ที่ 1,123 จุด, เมียนมา 807 จุด, เวียดนาม 314 จุด, กัมพูชา 151 จุด และมาเลเซีย 52 จุด

ในขณะที่ข้อมูลจากดาวเทียมระบุว่า จุดความร้อนในประเทศไทยวานนี้พบในพื้นที่เกษตร 131 จุด, ป่าสงวนแห่งชาติ 62 จุด, ป่าอนุรักษ์ 53 จุด, พื้นที่ชุมชนและอื่น ๆ 24 จุด, พื้นที่เขต ส.ป.ก. 15 จุด และพื้นที่ริมทางหลวง 4 จุด

ในส่วนของจังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ #พระนครศรีอยุธยา และ #เชียงราย เท่ากัน 26 จุด ตามลำดับ

ส่วนค่าฝุ่น PM 2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอปพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” แบบรายชั่วโมง เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ผ่านมา พบจังหวัดมีค่า PM 2.5 อยู่ในระดับสีแดงและมีผลกระทบต่อสุขภาพใน 4 จังหวัด ได้แก่ #เชียงราย ที่มีค่า PM 2.5 สูงสุดกว่า 148 ไมโครกรัม ตามด้วย #พะเยา #น่าน และ #ลำปาง ในขณะที่อีก 19 จังหวัดเกินค่ามาตรฐานในระดับสีส้ม ประชาชนควรสวมหน้ากากอนามัย และงดกิจกรรมภายนอกอาคารสถานที่เพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่จะตามมา ในขณะที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล พบค่าคุณภาพอากาศส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง

Advertisment

สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์จุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ประกอบกับภูมิประเทศทางภาคเหนือของไทยมีลักษณะเป็นหุบเขาแอ่งกระทะ จึงมีความสัมพันธ์เกี่ยวเนื่องกับการพัดและการเคลื่อนตัวของกระแสลมในพื้นที่เป็นสำคัญ

ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่าง ๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม และสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้คือ การสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำและทันท่วงที เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรง GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่

ทั้งนี้ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th หรือติดตามข้อมูลจาก https://fire.gistda.or.th/dashboard.html และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอปพลิเคชั่น “#เช็คฝุ่น”

Advertisment