ราคาน้ำมันดิบ (10 ก.ค. 66) ปรับเพิ่ม จากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว

ราคาน้ำมันดิบ
Photo by Paul Ratje / AFP

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หลังซาอุฯและรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มในสัปดาห์นี้

วันที่ 10 กรกฎาคม 2566 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่ม จากความกังวลอุปทานน้ำมันดิบตึงตัว หลังซาอุดีอาระเบียและรัสเซียประกาศลดกำลังการผลิตเพิ่มในสัปดาห์นี้ ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตรวมของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร (OPEC+) ลดลง 5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 5% ของความต้องการใช้น้ำมันของโลก นักวิเคราะห์คาดว่า การปรับลดกำลังการผลิตของ OPEC+ จะทำให้ตลาดตึงตัวขึ้น และส่งผลให้เกิดการขาดดุลอุปทานในช่วงครึ่งหลังของปี’66 ซึ่งจะสนับสนุนให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น

โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสเมื่อ 7 ก.ค. 2566 อยู่ที่ 73.86 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +2.06 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 78.47 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.95 เหรียญสหรัฐ

ราคาน้ำมันยังได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง โดยดัชนีดอลลาร์ปรับลดลง 0.64% แตะระดับ 102.41 ส่งผลให้ความน่าสนใจในการลงทุนในตลาดน้ำมันเพิ่มขึ้น สำหรับนักลงทุนที่ถือเงินสกุลอื่น เนื่องจากสัญญาน้ำมันดิบจะมีราคาถูกลง

Baker Hughes รายงานจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันดิบสหรัฐ สำหรับสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 7 ก.ค. ปรับลดลงจำนวน 5 แท่นมาอยู่ที่ระดับ 540 แท่น ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ เม.ย. 65 ในขณะที่แท่นขุดเจาะก๊าซธรรมชาติปรับเพิ่มขึ้น 11 แท่น มาอยู่ที่ระดับ 135 แท่น

Advertisment

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากความต้องการใช้น้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นของสหรัฐ ในช่วงวันหยุดวันประกาศอิสรภาพ และน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐปรับลดลง 2.55 ล้านบาร์เรลแตะระดับ 219.456 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และน้ำมันดีเซลคงคลังสิงคโปร์ ปรับลดลง 3.67% แตะระดับ 7.69 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์