บางจากฯ-พันธมิตร ร่วมพัฒนาคาร์บอนเครดิตภาคเกษตรต่อยอดสู่ “พรรณ D”

บางจากฯ

บางจากฯ และพันธมิตร ร่วมมือพัฒนาโครงการคาร์บอนเครดิตจากภาคการเกษตรและพลังงานหมุนเวียน ต่อยอดสู่ “พรรณ D” คาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้นและการติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์การเกษตร

วันที่ 24 สิงหาคม 2566 นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด กลุ่มธุรกิจการตลาด บริษัท
บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประเสริฐ ตรงเจริญเกียรติ ประธานสายปฏิบัติการ/ธุรกิจเพื่อสังคม มูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และนายชาญวิทย์ ตรังอดิศัยกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการลงทุน บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง “การพัฒนาโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ การเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกรในเครือข่ายธุรกิจบางจากฯ และพันธมิตร”

โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนความร่วมมือ ประชาสัมพันธ์ ส่งเสริม แลกเปลี่ยนข้อมูล ความรู้ เทคโนโลยี บุคลากร กระบวนการจัดการในโครงการด้านคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ การเกษตรและพลังงานหมุนเวียนกับกลุ่มสหกรณ์และเกษตรกรในเครือข่ายธุรกิจบางจากฯ และพันธมิตร ให้สอดคล้องกับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER)

ผ่านกิจกรรมในแปลงพืชเกษตรยืนต้น ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน ไม้ผล เป็นต้น และการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองเพื่อลดต้นทุนทางการผลิต สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด สร้างมูลค่าเพิ่มและคุณค่าร่วมจากกระบวนการคาร์บอนเครดิตที่เกิดขึ้น

Advertisment

นายสมชัย เตชะวณิช ประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท บางจากฯ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทบางจากให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างความท้าทายด้านพลังงาน 3 ประการ (Balancing the Energy Trilemma) คือ ความมั่นคงด้านพลังงาน (Energy Security) การเข้าถึงพลังงาน (Energy Affordability) ความยั่งยืนของทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (Environmental Sustainability)

ปัจจุบันบางจากฯ มีสถานีบริการน้ำมันกว่า 1,360 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งกว่า 600 แห่งเป็นสถานีบริการน้ำมันชุมชนหรือปั๊มชุมชน ดำเนินการโดยเครือข่ายสหกรณ์การเกษตร ครอบคลุมกว่า 1 ล้านครัวเรือน ถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจที่บางจากฯ ให้ความสำคัญในการดูแลและทำงานร่วมกันมาตลอดเวลากว่า 33 ปี นับตั้งแต่จัดตั้งปั๊มชุมชนขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2533

นายสมชัยกล่าวเสริมว่า เป็นที่น่ายินดีที่ได้รับทราบว่า ผู้นำสหกรณ์การเกษตรมีแนวโน้มต้องการมีส่วนร่วมในการป้องกันภาวะโลกร้อน สนใจจะใช้พลังงานหมุนเวียนรวมถึงต้องการมีส่วนร่วมในโครงการด้านคาร์บอนเครดิตจากภาคการเกษตร สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์และแผนด้านความยั่งยืนของกลุ่มบริษัทบางจาก จึงเป็นที่มาของการลงนามความร่วมมือนี้

Advertisment

นางกลอยตา ณ ถลาง ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานสื่อสารองค์กรและกิจการเพื่อความยั่งยืน บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ริเริ่มและรับผิดชอบโครงการ ได้กล่าวถึงความเป็นมาของความร่วมมือดังกล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ เกิดจากการที่ทุกภาคส่วนกำลังให้ความสำคัญกับการร่วมป้องกันภาวะโลกร้อนที่กำลังเป็นประเด็นสำคัญในระดับโลก

สำหรับกลุ่มบริษัทบางจาก ได้กำหนดแผนงาน BCP316NET เพื่อตอบสนองต่อเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG Emissions) ในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593)

โดยความร่วมมือนี้เกิดขึ้นจากแนวคิดเรื่องคาร์บอนเครดิตในภาคการเกษตรและจากพลังงานหมุนเวียน จากการที่สหกรณ์การเกษตรผู้ดำเนินธุรกิจสถานีบริการน้ำมันชุมชนของบางจากฯ ส่วนหนึ่งประกอบธุรกิจพืชเกษตรยืนต้นและมีการดูแลเป็นอย่างดีและมีแผนปรับปรุงการใช้ปุ๋ย

รวมถึงผู้ประกอบการสหกรณ์การเกษตรจำนวนมาก ต้องการปรับเปลี่ยนมาผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนเพื่อใช้เองเพื่อลดต้นทุนทางการผลิตและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด

บางจากฯ จึงเห็นเป็นโอกาสดีที่จะสนับสนุนสหกรณ์การเกษตร รวมถึงกลุ่มเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการ โดยจะให้ความรู้เกี่ยวกับโลกร้อน การร่วมดำเนินโครงการคาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้นกับบางจากฯ หรือติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์

โดยจะทำหน้าที่เป็นผู้ร่วมพัฒนาโครงการและผู้ประสานงานหลัก สื่อสารประชาสัมพันธ์กับกลุ่มเป้าหมาย สร้างความรู้ความเข้าใจ และร่วมสำรวจพื้นที่ ติดตามการดำเนินงานกับทีมงานจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ และบริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) ด้วยความสนับสนุนจากกรมส่งเสริมสหกรณ์ เพื่อร่วมผลักดันโครงการให้ผ่านการขึ้นทะเบียน

ตลอดจนการรับรองคาร์บอนเครดิตจากโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) โดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) อันเป็นการส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากการลงนามความร่วมมือในวันนี้ บางจากฯ และพันธมิตรจะจัดทำโครงการ “พรรณ D” คาร์บอนเครดิตจากพืชเกษตรยืนต้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ และติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับใช้ในภาคธุรกิจผ่านออมสุขวิสาหกิจเพื่อสังคม ร่วมกับเครือข่ายสหกรณ์การเกษตรที่สนใจจะร่วมโครงการ โดยได้นำร่องสำรวจความต้องการของสหกรณ์การเกษตรมาระยะหนึ่งแล้ว พร้อมเริ่มโครงการทั้งสอง ในเดือนกันยายนนี้เป็นต้นไป