ม.หอการค้าชี้ เงินดิจิทัลหมื่นบาทใช้ 5 แสนล้าน บูสต์ ศก.1.5 ล้านล้าน จีดีพี’67 โต 5-7%

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย

นักวิชาการ ม.หอการค้า ชี้ นโยบายเงินดิจิทัลหมื่นบาท ใช้งบฯ 5 แสนล้าน กระตุ้น ศก. ได้ 3 รอบ สูงถึง 1.5 ล้านล้าน แหล่งเงินขาดดุลงบฯไม่ต้องกู้เพิ่ม มั่นใจเศรษฐกิจดิจิทัล-ท่องเที่ยว-ลงทุน-ส่งออก-จับจ่ายดันจีดีพีไทยฟื้นตัว Q4 ยาวถึง ปี’67 จีดีพีโต 5-7%

วันที่ 26 สิงหาคม 2566 รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า นโยบาย เงินดิจิทัล 10,000บาท รวม 5 แสนล้านบาททำได้แน่นอน หมุนเวียนเศรษฐกิจ 2-3 รอบ คิดเป็น 1-1.5 ล้านล้านบาท โดยรัฐอ่จจะออกแบบการใช้ แบ่งเป็นลอต ลอตละ  3,000 บาท เพื่อกระจายให้เกิดการ กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นระยะเวลา และกำหนดเงื่อนไขให้ใช้ในการซื้อสินค้าไทย เพื่อให้เม็ดเงินกระจายในประเทศไทยจะทำให้เงินหมุนหลายรอบ หากไม่กำหนดก็เสี่ยงจะรั่วไหลออกไปกับสินค้าต่างประเทศได้

เพิ่มการขาดดุลงบฯ ไม่ต้องกู้เพิ่ม

นโยบายเงินดิจิทัลจะต้องใช้เงิน 5 แสนล้าน แต่เลี่ยงไม่ได้เป็นนโยบายที่ออกจากนายกรัฐมนตรีเอง ขณะนี้สังคมกำลังให้ความสำคัญกับเรื่องของการพูดว่าใครพูดอะไรแล้วต้องทำ ซึ่งเชื่อว่านโยบายนี้สามารถทำได้ และมีเงินเพียงพอ เพราะใช้โครงสร้าง งบประมาณ 3 ลลบ และใช้การขาดดุลงบประมาณ มาช่วยเสริม แต่อาจจะต้องชะลอ โครงการบางโครงการออกไป

ส่วนความเป็นห่วงเรื่องหนี้สาธารณะนั้นมอฃว่าไม่น่าจะกระทบ เพราะสำนักงบประมาณ มีการวางกรอบการขาดดุลไว้ไม่เกิน 4% ซึ่งจากสถานะทางการเงินตอนนี้อาจจะขาดดุลงบ เพิ่มได้อีกเล็กน้อย ไม่สูงเกินไป

โดยขณะนี้เพดานหนี้สาธารณะ อยู่ที่ 60% แต่สามารถ ขยายได้ 70% ดังนั้นไม่ต้องกู้เพิ่ม

อย่างไรก็ตาม อาจจะมีการพิจารณาเรื่องการใช้ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) 7% ซึ่งส่วน นี้ไมาเพียงจะทำให้ได้เงินเพิ่ม 30,000-35,000 ล้านบาท แต่ยังจะได้ภาษีบุคคลและนิติบุคคลเพิ่มในปีถัดไป

จีดีพี ปี’67 โต 5-7%

รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มจีดีพี ปี 2567 จะสามารถ ขยายตัว 5-7% เพราะงบประมาณจะเริ่มใช้ได้ในเดือน เม.ย. และยังมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระยะแรกตั้งแต่ต้นปี 2567 จาก นโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล

ส่วนภาคการส่งออก ปีหน้า จะขยายตัวได้ 3-5% จากปี 2566 ที่คาดว่าจะติดลบ 2-3% จากภาวะ เศรษฐกิจ โลกถดถอย หลายประเทศ ทั้งสหรัฐ และในสหภาพยุโรป และเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้า ซึ่งจะกระทบการส่งออกปีนี้ แต่ปีหน้าจะดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ปีนี้จะยังไม่ได้รับเอฟเฟ็กต์จากภัยแล้งรุนแรงจะเริ่มไปกระทบในปีหน้า ซึ่งคาดการณ์ว่าภาคเกษตรกรจะมีรายได้สูงขึ้นใน ไตรมาส 4 ถึง ปี 2567

นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองในและนอกสภา ไม่รุนแรง ซึ่งถ้าหากมีการชุมนุมจะเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจ

จีดีพี ไตรมาส 4 ฟื้น

สำหรับจีดีพีครึ่งปีแรกชะลอตัวลง จากการที่การลงทุน และส่งออกลด แต่แนวเศรษฐกิจฝนไตรมาส 4 หลังจากได้รัฐบาลใหม่การเมืองนิ่ง การลงทุนกลับมา และหากรัฐบาลใหม่โรดโชว์ โปรโมตท่องเที่ยวจะช่วยเสริม ซึ่งจะเชื่อมโยงทำให้การบริโภค และการใช้เงินลงทุนดีขึ้น

ดรีมทีมเศรษฐกิจ

รศ.ดร.ธนวรรธน์ กล่าวว่า สิ่งที่เราจะต้องเชื่อ การที่ได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คือ คุณเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งมีประสบการทำงานเชิงธุรกิจได้รับการยอมรับ ความสามารถในการบริหาร ประสบความสำเร็จ

“จากภาพรายชื่อทีม สะท้อนว่ารัฐบาลมีอำนาจพอสมควร และมีการคัดผู้บริหารงานระดับกระทรวง (กระทรวงการคลัง) คนที่เข้ามาต้องถูกคัดมาแล้ว ว่าจะสามารถจะช่วยสร้างผลงานอย่างรวดเร็ว เราต้องเชื่อมั่นนายกฯและเชื่อว่าจะสร้างผลงานเร็วตามที่คาดหวังไว้”

“การที่มีข่าวว่า นายกรัฐมนตรีจะรับหน้าที่ รมว.คลัง และเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจด้วยนั้น เพราะรัฐบาลเห็นว่าเรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุด และตามข่าวคาดว่า รมช.คลัง อาจเป็นอดีตข้าราชการ ซึ่งจะมาช่วยเสริมในเรื่องกฎระเบียบ หากดูรูป แบบเอกชน ซีอีโอจะมอบให้ผู้บริหารระดับสูงทำงาน และยังทีมงานเพื่อไทยที่เคยมีประสบการณ์ เข้ามาช่วยอีกจะยิ่งทำให้เศรษฐกิจแข็งแกร่งมากขึ้น”

นโยบายที่ต้องเร่ง

สำหรับงานเร่งด่วนที่ต้องทำ คือ การโรดโชว์ เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้ต่างประเทศ การทำความตกลงเปิดเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) การผลักดันตลาดใหม่ อย่างตะวันออกกลาง  และการดึง ดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ทั้ง ตะวันออกกลาง เวียดนาม อินเดีย และรัสเซีย เข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น

ส่วนมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์มองว่า รัฐบาลอาจจะใช้มาตรการได้หลายแบบ อาทิ การยกเลิกการจดทะเบียนการโอน หรืออาจจะใข้มาตรการผ่อนปรน LTV เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ เพื่อระบายสต๊อก 60,000-80,000 ยูนิต ซึ่งจะใช้เงินงบฯไม่มาก และการที่ดอกเบี้ยไม่แพงจะมีส่วนช่วยเสริมให้ตลาดมีความคึกคักมากขึ้น