สมาคมสหอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา เข้าพบ “นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมหารือทางออกนโยบาย กฎหมาย พ.ร.บ.พืชกัญชงและกัญชาให้ชัดเจน เนื่องจากส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการ ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ ปัจจุบันมีคนขออนุญาตกว่า 38,144 ราย
วันที่ 10 ตุลาคม 2566 นายทศพร นิลกำแหง สมาคมสหอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา เปิดเผยว่า ตนพร้อมด้วยคณะกรรมการเดินทางเข้าพบนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา
เพื่อแสดงความยินดีเข้ารับตำแหน่งใหม่ พร้อมทั้งนำเสนออุปสรรคของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมพืชกัญชงและกัญชา โดยเฉพาะสมาคมซึ่งมีสมาชิกจำนวน 21 บริษัท ทั้งในธุรกิจต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ที่เป็นบริษัทระดับอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่
ทั้งนี้ จากความไม่ชัดเจนของนโยบายภาครัฐ รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับพืชกัญชงและกัญชา ในปัจจุบันทำให้ภาคอุตสาหกรรมหยุดนิ่ง โดยสมาคมซึ่งประกอบด้วยบริษัทที่เป็นอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดใหญ่ ทั้งธุรกิจในส่วนต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ได้รับผลกระทบโดยตรง รวมถึงความเชื่อของประชาชนบางกลุ่มที่ยังมองว่าพืชกัญชงและกัญชามีโทษมากกว่าประโยชน์
แต่ความจริงแล้วพืชกัญชงคือพืชเศรษฐกิจสามารถใช้ประโยชน์ได้ทุกส่วน เช่น เมล็ดนำไปทำเป็นน้ำมันเพื่อเป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง อาหารเสริม ส่วนลำต้นสามารถนำเส้นใยไปทำเป็นเสื้อผ้า รองเท้า และส่วนสำคัญคือ ช่อดอก สามารถนำไปสกัดเพื่อให้ได้สาร CBD ซึ่งมีคุณประโยชน์มากมายต่อสุขภาพ อีกทั้งยังสามารถต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการ
โดยในปัจจุบันในระบบของ อย.มีผู้ขอใบอนุญาตและได้รับอนุมัติแล้วเป็นจำนวนมาก ทั้งใบอนุญาตเพาะปลูกในระบบส่วนกลางและแอปพลิเคชั่นปลูกกัญชงซึ่งมีจำนวนรวม 38,144 ราย ใบอนุญาตสกัดทั้งภาครัฐและภาคเอกชนรวม 48 ราย และใบอนุญาตเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมกัญชงทั้งเครื่องสำอาง อาหาร เครื่องดื่ม อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมกว่า 1,500 ราย ในส่วนของพืชกัญชาที่จะมีสาร THC อยู่ปริมาณมากนั้น สามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์รักษาผู้ป่วยได้
อย่างไรก็ดี ทางสมาคมต้องการให้รัฐบาลมีนโยบาย และกฎหมายของพืชกัญชงและกัญชาที่ชัดเจน แยกระหว่างพืชกัญชงและพืชกัญชาออกจากกัน โดยออกกฎหมาย ประกาศ หรือ พ.ร.บ.ให้ชัดเจน ให้พืชกัญชงเป็นพืชเศรษฐกิจ เพื่อสุขภาพและความงาม ส่วนพืชกัญชาใช้ในทางการแพทย์ มีมาตรการควบคุมการจำหน่าย และให้ความรู้เรื่องผลกระทบกับผู้ใช้ที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ และสตรีมีครรภ์ เป็นต้น เพื่อให้ผู้ประกอบการในธุรกิจภาคอุตสาหกรรมได้รับรู้ถึงทิศทางในการดำเนินธุรกิจ
และต้องการให้ทางรัฐบาลผลักดันสนับสนุนคุณประโยชน์ที่แท้จริงของพืชกัญชง รวมถึงสารสกัด CBD ว่ามีคุณประโยชน์หลากหลายสามารถนำไปต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างรายได้ และให้ผู้บริโภคมีความมั่นใจ และเชื่อมั่นในความปลอดภัยของพืชกัญชงได้อีกด้วย