ขึ้นค่าแรงแค่สลึงหรือบาทเดียวก็กระทบ ส.อ.ท. เร่งเครื่องนวัตกรรมแก้เกมต้นทุนพุ่ง

ส.อ.ท.

ส.อ.ท. ชี้ขึ้นค่าแรงแค่สลึงหรือบาทเดียวก็กระทบผู้ผลิต ย้ำไม่อยากมานั่งลุ้นค่าไฟ-ค่าแรงเป็นครั้ง ๆ หวั่นจีดีพีปี 2566 หวืดเป้า 2.5% โตได้แค่ 2.2% หลัง 3 ไตรมาสแผ่ว โตแค่ 1.9% ลุ้นไตรมาส 4 โต 3% ชูนวัตกรรมขับเคลื่อนประเทศแก้เกมต้นทุนพุ่ง ประเดิมผนึก IRPC ใช้กองทุนอินโนเวชั่นวัน ต่อยอดผลิต ปุ๋ยหมีขาว

วันที่ 13 ธันวาคม 2566 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ลงนามบันทึกข้อตกลง Memorandum of Understanding (MOU) โครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” ร่วมกับ นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) (IRPC)

นายเกรียงไกรกล่าวว่า โครงการนี้เป็นจุดเริ่มต้น ในการพัฒนานวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมประเทศจากเดิมที่ประเทศไทยเรามีแต่อุตสาหกรรมเก่าดั้งเดิมและใช้แรงงาน ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมต้องมาลุ้นต้นทุนค่าแรงในแต่ละงวดว่าจะมีการปรับขึ้นหรือปรับลงอย่างไร ซึ่งทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบ ดังนั้นการที่จะหยุดผลกระทบจะต้องมีการพัฒนานวัตกรรม ซึ่งเป้าหมายก็คือทำอย่างไรที่เราจะสามารถยกระดับอุตสาหกรรมไทยจากผู้รับจ้างผลิต (OEM) ไปสู่การเป็น ODM และ OBM

ขึ้นค่าแรงกระทบอุตสาหกรรม

“ในเรื่องค่าแรงจากที่นายกรัฐมนตรีไปงานสัมมนาเดลินิวส์เมื่อเช้า การปรับขึ้นค่าจ้างแรงงานมอง 2 มุม การขึ้น 2 บาทถึง 16 บาทนั้นอาจจะถูกมองว่าน้อย 2 บาทที่ปรับขึ้นมาซื้อไข่ยังไม่ได้ แต่ถ้าเรามองในมุมของคนที่ทำภาคอุตสาหกรรมต้นทุนแค่สลึงหรือ 1 บาทก็ถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญ ซึ่งตอนนี้สภาอุตสาหกรรมมีสมาชิก 46 กลุ่มอุตสาหกรรมครึ่งหนึ่งสามารถก้าวข้ามผ่านปัญหาเรื่องค่าแรงได้แล้ว เพราะจ่ายเกินไปถึง 700-800 บาทต่อคนต่อวัน การปรับขึ้นค่าแรงไม่สำคัญเท่ากับการพัฒนาทักษะแรงงาน”

เศรษฐกิจไทย ปี 2566 โตแค่ 2.2%

นายเกรียงไกรกล่าวว่าไทยจำเป็นต้อง transform ประเทศเพื่อพ้นจากการเป็นประเทศที่ติดกับดักรายได้ปานกลางที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีอัตราการขยายตัวเพียง 1.9% ซึ่งถือว่าน้อยมาก

และล่าสุดในการประชุมคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. มีการตั้งเป้าหมาย GDP ปีนี้ว่าจะขยายตัว 2.5 ถึง 3% ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ค่าเฉลี่ยของ GDP ในช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมายังอยู่ที่ 1.9% โดย GDP ไตรมาส 3 เราสามารถทำได้เพียง 1.5% ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ 2.2% เพราะฉะนั้นการที่จะให้ขยายตัวทั้งปี 2.5% เท่ากับว่าไตรมาส 4 จะต้องทำได้ 4% กว่าจึงจะสามารถได้ตามเป้านั้น

ซึ่งส่วนตัวคิดว่าท้ายที่สุดแล้วอัตราการขยายตัวของ GDP จะเหลือเพียง 2.2% ซึ่งเฉพาะในไตรมาส 4 อาจจะขยายตัวได้ประมาณ 3%

“เราไม่อยากจะต้องมานั่งลุ้นว่า GDP จะเท่าไหร่เหมือนกับการลุ้นค่าไฟไม่ได้เราต้องก้าวสู่อุตสาหกรรมใหม่โดยใช้นวัตกรรมขับเคลื่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม นั่นจึงเป็นที่มาของการเข้ามามีส่วนในการพัฒนาภาคเอกชนและเราได้รับความไว้วางใจจาก อว. ให้เข้ามาบริหารกองทุนอินโนเวชั่นวัน 1,000 ล้านบาท หาบริษัทมาแมทชิ่ง”

ส.อ.ท. ผนึก IRPC นำร่องนวัตกรรมเกษตร

การลงนาม MOU โครงการ “กองทุนอินโนเวชั่นวัน” ระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) เป็นความร่วมมือที่จะส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาสตาร์ตอัพไทยตั้งแต่ช่วง Early-Stage Deep Tech ที่เกิดจากงานวิจัยของศูนย์นวัตกรรมไออาร์พีซี ผ่านการประสานความร่วมมือระหว่างสตาร์ตอัพ กับหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องในเครือข่าย ของ ส.อ.ท. ที่มีความต้องการนวัตกรรมเข้ามาสนับสนุนธุรกิจ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมให้เข้มแข็ง นำไปสู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์

“IRPC มีพื้นที่ 5,000 ไร่ติดทะเลมีห้องแล็บที่พัฒนานวัตกรรมมีอุปกรณ์พร้อม การที่ IRPC เข้ามาช่วยทำในธุรกิจปุ๋ยนั้นนอกจากจะเป็นการพัฒนานวัตกรรมแล้วยังเป็นการช่วยแก้หนี้ด้วยเพราะเรื่องปุ๋ยเป็นเรื่องที่สร้างหนี้นอกระบบรูปแบบหนึ่งให้กับเกษตรกรของไทยประสบความยากจนมาอย่างต่อเนื่อง เพราะร้านก็จะให้ตกเขียวเอาปุ๋ยมาใช้ก่อนแล้วค่อยจ่ายทีหลัง ซึ่งต้นทุนค่าปุ๋ยคิดเป็นสัดส่วน 40-42% ของต้นทุนทั้งหมด หลังจากนี้หากมีการพัฒนาปุ๋ยก็จะช่วยให้ประเทศไทยสามารถลดการนำเข้าปุ๋ยได้

IRPC ชู ปุ๋ยหมีขาว นวัตกรรมใหม่

นายกฤษณ์ อิ่มแสง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า IRPC รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ดำเนินโครงการ กองทุนอินโนเวชั่นวัน ร่วมกับ ส.อ.ท. ในวันนี้ จากการที่ประเทศไทยมีแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ ผ่านการผลักดันการสร้างนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการส่งเสริมธุรกิจสตาร์ตอัพเป็นนโยบายเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญ

นอกจากนี้ สตาร์ตอัพของไทยมีศักยภาพทั้งในเรื่องของความสามารถด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่จะช่วยส่งเสริมให้เกิดการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศนวัตกรรมของประเทศได้ แต่สตาร์ตอัพเหล่านี้ยังขาดการสนับสนุนทั้งในด้านการวิจัยและพัฒนานวัตกรรม เพื่อให้สามารถเข้าสู่ตลาดและขยายธุรกิจไปสู่เชิงพาณิชย์ได้

ดังนั้นโครงการ กองทุนอินโนเวชั่นวัน จะช่วยส่งเสริมและสนับสนุนให้สตาร์ตอัพไทยได้มีโอกาสเข้าถึงตลาดภาคอุตสาหกรรมได้อย่างรวดเร็ว โดย IRPC ตระหนักถึงความสำคัญในการแสวงหาเทคโนโลยีและสร้างสรรค์นวัตกรรม โดยเฉพาะนวัตกรรมอนาคตที่เป็น New S-Curve ของโลก ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจของประเทศ โดยเราจะบูรณาการองค์ความรู้ ความชำนาญในธุรกิจและแนวคิดนวัตกรรม รวมทั้งการร่วมมือและสนับสนุนสตาร์ตอัพ เพื่อให้นวัตกรรมสามารถผลิตและออกสู่ตลาดเชิงพาณิชย์ได้ สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ IRPC

“IRPC มุ่งสร้างสรรค์นวัตกรรมการใช้วัสดุและพลังงาน เพื่อชีวิตที่ลงตัว นวัตกรรมของ IRPC ที่อยู่ระหว่างการดูแล ได้แก่ ธาตุอาหารสำหรับพืชที่ใช้เทคโนโลยีนาโนมาช่วยให้พืชสามารถดูดซึมธาตุอาหารไปใช้ประโยชน์ได้อย่างดี ในชื่อ REINFOXX หรือปุ๋ยหมีขาว หลังจากที่สเกลอัพแล้วต่อยอดในเชิงพาณิชย์ได้แล้วก็จะคืนผลตอบแทนกลับมาสู่กองทุน”

นายอนุชา สมจิตรชอบ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC กล่าวว่า โครงการ pilot project นี้ IRPC มุ่งที่จะพัฒนาเพิ่มกำลังการผลิตปีหน้าอีก 40,000-50,000 ลิตรจากปัจจุบันที่ทำได้ 78,000 ลิตร/วัน โดยมีเป้าหมายจะสร้างการเติบโตให้เป็นตัวเลข 2 หลัก

ทั้งนี้ สำหรับงบประมาณการลงทุนในเฟสแรกของโครงการนี้จะอยู่ที่ 20 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนการคนละครึ่ง