ธรรมนัส ลุยชุมพร คิกออฟมาตรการปิดอ่าวไทย ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำ

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า
ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

“ธรรมนัส” ลุยชุมพร คิกออฟมาตรการปิดอ่าวไทยบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน พื้นที่ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2567 พร้อมประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และปล่อยเรือตรวจการณ์เพื่อออกปฏิบัติการปกป้องแหล่งวางไข่และอาศัยเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำในทะเลอ่าวไทย

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2567 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานใน “พิธีประกาศใช้มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน พื้นที่ทะเลอ่าวไทย ประจำปี 2567” ณ ท่าเทียบเรือประมงชุมพร ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร เพื่อดำเนินการตามมาตรการปิดอ่าวไทย ซึ่งกรมประมงดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี

โดยแบ่งเป็นบริเวณพื้นที่อ่าวไทยตอนกลาง 2 ช่วงระยะเวลา ได้แก่ ระหว่างวันที่ 15 กุมภาพันธ์-15 พฤษภาคม 2567 ตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถึงอำเภอดอนสัก จังหวัดสุราษฎร์ธานี

และระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม-14 มิถุนายน 2567 ในบริเวณอาณาเขตตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวไทยตอนกลางและเขตต่อเนื่องตั้งแต่ปลายแหลมเขาม่องไล่ ถึงอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามแผนที่แนบท้ายของประกาศปิดอ่าวประจวบ และบริเวณพื้นที่อ่าวไทยรูปตัว ก 2 ช่วงระยะเวลา

ได้แก่ ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน-15 สิงหาคม 2567 ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในฝั่งตะวันตกของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร และระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม-30 กันยายน 2567 ในพื้นที่อ่าวไทยตอนในด้านเหนือของจังหวัดสมุทรสาคร กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา และชลบุรี

โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อฟื้นฟูและบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำฝั่งทะเลอ่าวไทย ซึ่งเป็นแหล่งวางไข่และอาศัยเลี้ยงตัวอ่อนของสัตว์น้ำหลายชนิด ด้วยการคุ้มครองพ่อแม่พันธุ์สัตว์น้ำที่มีความสมบูรณ์เพศพร้อมผสมพันธุ์ วางไข่ และปกป้องสัตว์น้ำวัยอ่อนให้มีโอกาสเจริญเติบโตเป็นสัตว์น้ำรุ่นต่อไป

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินมาตรการในปี 2566 ที่ผ่านมาพบว่าปริมาณการจับปลาทูในอ่าวไทยมีปริมาณมากถึง 41,310 ตัน คิดเป็นมูลค่า 3,316.57 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ถึง 5,602 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 659.08 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ของปริมาณการจับ (ปี 2565 ปริมาณ 35,708 ตัน มูลค่า 2,657.49 ล้านบาท) และพบว่าพ่อแม่ปลาทูมีความสมบูรณ์ในอัตราที่สูงเกือบร้อยละ 100

อีกทั้งยังพบการแพร่กระจายของลูกปลาทู-ปลาลัง และสัตว์น้ำเศรษฐกิจชนิดอื่นในพื้นที่ที่ประกาศใช้มาตรการ จึงเป็นการยืนยันได้ว่ามาตรการที่ใช้มีความสอดคล้อง ถูกต้อง และเหมาะสมทั้งในด้านพื้นที่ ช่วงเวลา และเครื่องมือที่มีการประกาศใช้มาตรการ

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ยังได้ร่วมประกอบพิธีบวงสรวงพลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลในการประกาศใช้มาตรการและปล่อยเรือตรวจการณ์ออกปฏิบัติการจำนวน 13 ลำ

ประกอบด้วย เรือตรวจประมงทะเล 702, เรือตรวจประมงทะเล 619, เรือตรวจประมงทะเล 613, เรือตรวจประมงทะเล 611, เรือตรวจประมงทะเล 324, เรือตรวจประมงทะเล 220, เรือตรวจประมงทะเล 208, เรือตรวจประมงทะเล 113, เรือตรวจประมงทะเล 105, เรือศรชล.ภาค 2, เรือกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง, เรือตำรวจน้ำ และเรือตรวจคนเข้าเมือง

เรือตรวจประมงทะเล 619

มอบแผ่นป้ายเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาอาชีพและส่งเสริมความเข้มแข็งของชุมชนประมง (กิจกรรมพัฒนาอาชีพชุมชนประมง) ประจำปี 2567 ให้แก่ประธานองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่น 9 ชุมชนในเขตจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และประจวบคีรีขันธ์ มอบหนังสือรับรองเพื่อประกอบการยื่นขอจดทะเบียนเรือไทย สำหรับเรือประมงพื้นบ้าน 7 ราย

พร้อมทั้งมอบโฉนดที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) ให้กับเกษตรกรในพื้นที่จำนวน 50 ราย และร่วมปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำจำนวน 654,000 ตัว ประกอบด้วย กุ้งแชบ๊วย 500,000 ตัว กุ้งกุลาดำ 150,000 ตัว ปลากระบอกดำ 3,000 ตัว และปลากะพงขาว 1,000 ตัว เพื่อคืนความอุดมสมบูรณ์และเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทย

นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการจัดแสดงนิทรรศการนำเสนอข้อมูลความรู้ทางด้านประมงที่เกี่ยวข้องกับมาตรการ อาทิ ผลงานวิชาการสำรวจข้อมูลสัตว์น้ำ มาตรการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำมีไข่ วางไข่ เลี้ยงตัวอ่อน พื้นที่ทะเลอ่าวไทย การจดทะเบียนเรือประมงพื้นบ้านและเรือประมงพาณิชย์ กิจกรรมขยะทะเล คืนฝั่งทะเลสวยด้วยมือเรา การควบคุมการทำประมงในช่วงประกาศใช้มาตรการ นิทรรศการสิ่งมีชีวิต อาทิ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำปลากระบอกดำ ปลาการ์ตูน ปลาหมอชุมพร 1 การบริหารจัดการทรัพยากรปูม้า ตลอดจนการแปรรูปสัตว์น้ำและจัดแสดงสินค้าประมงธงเขียว

ด้าน นายบัญชา สุขแก้ว อธิบดีกรมประมง กล่าวเพิ่มเติมว่า “มาตรการปิดอ่าวไทย” ถือเป็นภารกิจหลักที่กรมประมงมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากพี่น้องชาวประมงในการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำเศรษฐกิจ รวมถึงส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์จากสัตว์น้ำอย่างคุ้มค่า สอดคล้องกับนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการส่งเสริมและเร่งฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากร ควบคู่ไปกับการสร้างความเข้มแข็งอาชีพชาวประมงให้กินดี อยู่ดี และมีรายได้อย่างยั่งยืน