
ชาวสวนปาล์มเผยหลังหารือ “ธรรมนัส” รมว.เกษตรฯ รับปากจะเร่งแก้ปัญหาปาล์มทั้งระบบ การรับซื้อปาล์มคุณภาพ 18% ย้ำวันที่ 1 มิ.ย. 67 หากราคาปาล์มยังตกต่ำ พร้อมรวมตัวร้องเรียนทันที ด้านพาณิชย์ชี้ ตั้งแต่วันที่ 29 พ.ค. 2567 โรงสกัดต้องรับซื้อผลปาล์มที่ 4.50 บาทต่อกิโลกรัม
วันที่ 30 พฤษภาคม 2567 นายพันศักดิ์ จิตรรัตน์ ประธานสภาเกษตรจังหวัดกระบี่ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ที่ผ่านมา ตัวแทนเกษตรกร ชาวสวนปาล์ม สภาเกษตรกรชาวสวนปาล์มแปลงใหญ่ สมาคมผู้ผลิตปาล์มน้ำมัน ประชุมร่วมหารือกับร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ จ.สุราษฎร์ธานี ที่ผ่านมาเพื่อติดตามปัญหาราคารับซื้อผลปาล์มต่ำกว่า 4 บาท
จากการหารือทางรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ รับปากจะเร่งแก้ไขปัญหาปาล์มทั้งระบบ การรับซื้อปาล์มของโรงสกัดและลานเท ต้องรับซื้อผลปาล์มมีคุณภาพ ราคารับซื้ออยู่ที่ 4.50 บาทต่อกิโลกรัม
และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 เกษตรกรได้มีการหารือกับนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน โดยต้องการให้ภาครัฐติดตามดูแล ผู้ประกอบการในการรับซื้อผลปาล์ม ให้เป็นไปตามเงื่อนไข รับซื้อปาล์มที่มีคุณภาพ มีการประกาศราคารับซื้อ ประกาศการหยุดรับซื้อให้ชัดเจน การคัดแยกลูกร่วงต้องทำอย่างถูกต้อง ไม่ใช่เป็นการทำให้เกิดลูกร่วง และคัดแยกให้เหมาะสม กับโรงงานเอและโรงงานบี เพื่อให้ได้เปอร์เซ็นต์น้ำมันที่มีมาตรฐาน
“หน่วยงานภาครัฐรับปากว่าจะไปดำเนินการและติดตามและดูแลการรับซื้อผลปาล์มเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย รวมไปถึงตัวเกษตรกร ก็จะต้องตัดปาล์มที่มีคุณภาพ ทั้งนี้หากภาครัฐไม่ดำเนินการที่รับปากหรือไม่มีการติดตามการรับซื้อผลปาล์มของผู้ประกอบการลืม หรือแม้กระทั่งไม่มีการกำกับดูแลอย่างเข้มงวด ทำให้ราคาปาล์มตกต่ำเกษตรกร พร้อมรวมตัวกันเพื่อร้องเรียน“
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่มีการหารือกับหน่วยงานของภาครัฐ เกษตรกรให้เวลา 3-4 วัน นับตั้งแต่มีการหารือ ราคารับซื้อผลปาล์มจะต้องมีการขยับขึ้น 4.50 บาทต่อกิโลกรัม การคัดแยกผลปาล์ม จะต้องทำให้ถูกต้อง การประกาศหยุดรับซื้อจะต้องชัดเจน เปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มจะต้องรับซื้อที่ 18% เพื่อให้ราคาผลปาล์มดีขึ้น ถ้าทุกอย่างดำเนินการไปอย่างที่มีการหารือไว้ ไม่ปล่อยให้ราคาปาล์มตกต่ำก็จะปล่อยให้ตลาดเป็นไปตามกลไกในการรับซื้อ เพราะมองว่าต้องให้ความเป็นธรรมและให้หน่วยงานภาครัฐในการดำเนินการด้วย
อย่างไรก็ดี หากการรับซื้อเป็นไปตามที่หารือ หลังจากวันที่ 1 มิถุนายน 2567 ชาวสวนปาล์มเกษตรกร พร้อมรวมตัวกันที่ศาลากลางจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียน หน่วยงานภาครัฐ เจ้าหน้าที่ที่ละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ไม่กำกับดูแลและควบคุม ส่งผลให้ราคาปาล์มตกต่ำ
ปัจจุบัน ราคารับซื้อผลปาล์มเฉลี่ยอยู่ที่ 3.30-4.65 บาทต่อกิโลกรัม ขึ้นอยู่แต่ละพื้นที่และเปอร์เซ็นต์น้ำมันปาล์มซึ่งเฉลี่ยอยู่ที่ 14-18% พื้นที่ผลผลิตปาล์มส่วนใหญ่อยู่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีพื้นที่เพาะปลูกประมาณ 1.6 ล้านไร่ กระบี่อยู่ที่ 1.2 ล้านไร่ รองลงมาจะอยู่ในพื้นที่ชุมพร ชลบุรี ตรัง ประจวบฯ เป็นต้น และคาดการณ์อนาคตพื้นที่เพาะปลูกจะมีมากขึ้น และส่งผลให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
โดยในปีนี้คาดว่าเฉลี่ยอยู่ที่ 16 ล้านตัน ส่วนราคาน้ำมันปาล์มดิบปัจจุบันอยู่ที่ 32 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนสัดส่วนความต้องการใช้น้ำมันดิบ การบริโภคอยู่ที่ 1.1 แสนตันต่อเดือน พลังงาน 7-8 หมื่นต่อเดือน ปัจจุบันสต๊อกน้ำมันปาล์มดิบอยู่ที่ 2.5 แสนตัน
สกัดราคาตกต้องซื้อ 4.50 บาท
นายอุดม ศรีสมทรง รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้รับมอบหมายจากนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงพื้นที่แก้ปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ติดตามการรับซื้อ เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2567 พร้อมกับหารือกับเกษตรกร ผู้ประกอบการลานเท และโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม ซึ่งการหารือได้มีการตกลงว่าตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 จะต้องรับซื้อผลปาล์ม ในราคาที่ 4.50 บาทต่อกิโลกรัม
พร้อมทั้งจะต้องมีการแจ้งปริมาณการผลิต การจำหน่าย ราคารับซื้อ ข้อมูลแผนปิดซ่อมบำรุง โดยแจ้งล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์ โดยราคารับซื้อดังกล่าวเป็นการตกลงร่วมกันที่จะรับซื้อในราคา 4.50 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ใช่เป็นการประกาศราคาแนะนำ ทั้งนี้ หากเปอร์เซ็นต์น้ำมันได้เพิ่มขึ้นก็ต้องรับซื้อในราคาผลปาล์มตามคุณภาพ
นอกจากนี้ อนุกรรมการสมดุลปาล์ม จะมีการประชุมทุกสัปดาห์เพื่อติดตามสถานการณ์ราคาปาล์มและผลผลิตปาล์มน้ำมัน เพื่อให้สอดคล้องกับราคา CPO ทั้งนี้ หากพบว่ามีการรับซื้อต่ำกว่าที่ตกลง จะมีการเรียกให้มาชี้แจงเพื่อหาเหตุผล ให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย อย่างไรก็ดี หากพบว่ามีการกดราคารับซื้อจะว่าด้วย พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ