ดัชนีเชื่อมั่นอุตฯ เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน หลังงบเบิกจ่ายอัดเงินเข้าระบบ

เกรียงไกร เธียรนุกุล
เกรียงไกร เธียรนุกุล

ส.อ.ท. เผยดัชนีความเชื่อมั่นอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 89.3 เพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน จากกลุ่มอาหาร ยา เครื่องสำอาง หลังการเบิกจ่ายงบประมาณเดินเครื่องเงินไหลเข้าระบบเศรษฐกิจเงินลงทุนกว่า 4.5 แสนล้านบาท เอกชนชี้รัฐยังต้องเร่งอุดช่องโหว่สินค้านำเข้าต่างประเทศราคาถูก ทะลักเข้าไทย

วันที่ 16 สิงหาคม 2567 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึง ผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนกรกฎาคม 2567 อยู่ที่ระดับ 89.3 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 87.2 ในเดือนมิถุนายน 2567 เป็นการปรับตัวเพิ่มขึ้นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน ตามการเพิ่มขึ้นของความต้องการในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอุตสาหกรรมอาหารและยา เครื่องสำอาง ขณะที่การเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายภาครัฐ ทำให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจมากขึ้น ส่งผลดีต่อสินค้าอุตสาหกรรมโดยเฉพาะวัสดุก่อสร้าง

ขณะเดียวกันการขอรับการส่งเสริมการลงทุนขยายตัวต่อเนื่องในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 2567) มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 458,359 ล้านบาท ขยายตัว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศช่วงโลว์ซีซั่นของภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคมยังมีปัจจัยลบจากปัญหาหนี้ครัวเรือนและหนี้เสีย (NPL) ที่อยู่ในระดับสูง ซึ่งยังกดดันการบริโภคในประเทศ เห็นได้จากในช่วง 6 เดือนแรก (มกราคม-มิถุนายน 2567) ยอดขายรถยนต์ในประเทศหดตัว 24.16% และยอดส่งออกรถยนต์หดตัว 1.85% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลง

เนื่องจากกำลังซื้อในประเทศยังอ่อนแอ ส่วนการส่งออกชะลอตัวลง โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศและทำความเย็น อัญมณีและเครื่องประดับ สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น ขณะที่ต้นทุนค่าขนส่งเพิ่มสูงขึ้น ทั้งค่าระวางเรือและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มต่าง ๆ (Surcharge)

สำหรับสิ่งที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้น ได้แก่ เศรษฐกิจโลก 66.8% สถานการณ์การเมืองในประเทศ 58.7% อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ 37.9% ตามลำดับ ปัจจัยที่มีความกังวลลดลง ได้แก่ เศรษฐกิจในประเทศ 61.2% ราคาน้ำมัน 60.6% อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 57.1%

ADVERTISMENT

ขณะที่ดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 95.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 93.4 ในเดือนมิถุนายน 2567 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งการใช้จ่ายและการลงทุนของภาครัฐ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 การขยายตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet

แต่อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่ผู้ประกอบการยังห่วงกังวล ได้แก่ ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการขยายตัวของภาคการส่งออก ขณะที่ต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้นโดยเฉพาะนโยบายการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 400 บาทต่อวัน

ADVERTISMENT

ดังนั้น จึงขอเสนอให้รัฐออกมาตรการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรและอุปกรณ์ เพื่อลดการใช้พลังงาน รวมทั้งส่งเสริมระบบบริหารจัดการพลังงานในภาคขนส่ง อาทิ สนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานและลดต้นทุนในอุตสาหกรรม SME (ENERGY POINTS 3)

เสนอให้ภาครัฐออกมาตรการกำหนดดูแลผู้ให้บริการแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซจากต่างประเทศ เพื่อป้องกันการทะลักเข้ามาของสินค้าราคาถูกและสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานจากต่างประเทศ และขอให้ภาครัฐกำหนดเงื่อนไขการซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศ หรือสินค้า Made in Thailand ใน โครงการ Digital Wallet เพื่อสร้างโอกาสและทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในธุรกิจของผู้ประกอบการไทย