
ราคาน้ำมันดิบปรับลด หลังตลาดกังวลการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
วันที่ 20 สิงหาคม 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน
โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS) เปิดเผยข้อมูลการผลิตน้ำมันดิบของโรงกลั่นในประเทศจีนเดือน ก.ค. 67 ปรับลดลง 6.1% จากปีก่อนหน้า สู่ระดับ 13.9 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งปรับลดลงเป็นเดือนที่ 4 และเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ต.ค. 65 เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในประเทศจีนที่ปรับลดลง สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจจีนที่เติบโตไม่เป็นไปตามคาดการณ์
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 19 ส.ค. 2567 อยู่ที่ 74.37 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.28 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 77.66 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -2.02 เหรียญสหรัฐ
ราคาน้ำมันดิบยังถูกกดดัน หลังมีสัญญาณบ่งชี้ว่าการผลักดันข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซาอาจประสบความสำเร็จ และนำไปสู่สันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงด้านอุปทาน ทั้งนี้ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐ กล่าวว่าข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะช่วยยุติการสู้รบในฉนวนกาซา รวมถึงเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการบรรลุข้อตกลงนี้ เพื่อให้เกิดสันติภาพในฉนวนกาซา
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในเดือน ก.ย. 67 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเฟดจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 3 ครั้ง ครั้งละ 0.25% ภายในสิ้นปี 2567
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังโรงกลั่นของไต้หวันคาดว่าจะกลับมาดำเนินการผลิตอีกครั้งภายในวันที่ 31 ส.ค. 67 นอกจากนี้ สต๊อกน้ำมันเบนซินในออสเตรเลียมีปริมาณสูงขึ้น เนื่องจากผู้ค้ามีการสต๊อกน้ำมันเบนซินในช่วงฤดูร้อนไว้เรียบร้อยแล้ว
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังสต๊อกน้ำมันดีเซลในแถบ Amsterdam-Rotterdam-Antwerb ปรับเพิ่มขึ้น 9.8% สู่ระดับ 2.3 ล้านตัน ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน พ.ค. 66