
ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงกว่า 2% จากความกังวลเศรษฐกิจสหรัฐซบเซา
วันที่ 28 สิงหาคม 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคามีดังนี้ ราคาน้ำมันปรับลดลงกว่า 2% จากความกังวลการชะลอตัวของการเติบโตทางเศรษฐกิจในสหรัฐและจีน หลังตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐปรับเพิ่มขึ้นในเดือนที่แล้วแตะระดับ 4.3% ซึ่งสูงสุดในรอบ 3 ปี ส่งผลให้นักวิเคราะห์ปรับเพิ่มการคาดการณ์ของโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐจาก 20% เพิ่มเป็น 25% ซึ่งอาจกดดันต่อความต้องการใช้น้ำมันดิบ
โดยราคาน้ำมันเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 27 ส.ค. 2567 อยู่ที่ 75.53 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.89 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันเบรนต์อยู่ที่ 79.55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ลดลง -1.88 เหรียญสหรัฐ
โกลด์แมนแซกส์ปรับลดคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบเบรนต์จาก 82 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล สู่ 77 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในปี’68 เนื่องจากอุปสงค์น้ำมับดิบในจีนที่ลดลง ประกอบกับตลาดคลายกังวลต่อสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลาง หลังการโจมตีด้วยขีปนาวุธครั้งใหญ่ของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ต่ออิสราเอลไม่ประสบความสำเร็จ
สถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐ (API) เปิดเผยปริมาณ น้ำมันดิบคงคลังของสหรัฐประจำสัปดาห์สิ้นสุด ณ วันที่ 23 ส.ค. 67 ปรับลดลงกว่า 3.4 ล้านบาร์เรล ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะปรับตัวลดลงเพียง 2.3 ล้านบาร์เรล
ราคาน้ำมันเบนซิน
ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการนำเข้าน้ำมันเบนซินในอินเดียปรับตัวลดลงกว่า 14% แตะระดับ 1.07 ล้านตันในเดือน ก.ค. 67 สะท้อนความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในประเทศที่อ่อนแอในช่วงมรสุม และอาจลดลงอีกก่อนเทศกาลดิวาลีซึ่งจะเริ่มจัดขึ้นช่วง ต.ค. 67
ราคาน้ำมันดีเซล
ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังการนำเข้าน้ำมันดีเซลของยุโรปจากอินเดียยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง จากความต้องการทำความร้อนช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง