ราคาน้ำมันดิบ (18 ก.ย. 67) ปรับเพิ่ม จากความรุนแรงในตะวันออกกลาง

ราคาน้ำมันดิบปรับเพิ่มจากสถานการณ์ความรุนแรงในตะวันออกกลาง และผลกระทบจากพายุเฮอริเคน Francine

วันที่ 18 กันยายน 2567 หน่วยวิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน บมจ.ไทยออยล์ระบุว่า ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้นจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่กลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ภายหลังเครื่องมือสื่อสารถูกแฮกและเกิดระเบิดขึ้นในเลบานอน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ได้กล่าวโทษอิสราเอลว่าอยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดในครั้งนี้ และประกาศจะตอบโต้อิสราเอล ในขณะที่อิสราเอลยังคงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นต่อเหตุการณ์ดังกล่าว

โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัสซื้อขายเมื่อ 17 ก.ย. 2567 อยู่ที่ 71.19 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +1.10 เหรียญสหรัฐ และราคาน้ำมันดิบเบรนต์อยู่ที่ 73.70 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น +0.95 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

การผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกยังคงได้รับผลกระทบจากพายุเฮอริเคน Francine โดยยังคงมีการอพยพคนงานออกจากแท่นขุดเจาะน้ำมันอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในอ่าวเม็กซิโกปรับลดกว่า 12% จากปริมาณการผลิตปกติ

นักลงทุนยังคงจับตาการปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) โดยตัวเลขผลสำรวจล่าสุดของ FEDWATCH ชี้ว่านักลงทุนให้น้ำหนัก 69% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ซึ่งอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและหนุนความต้องการใช้น้ำมันได้

สถาบันปิโตรเลียมแห่งสหรัฐ (API) รายงานปริมาณน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐ สิ้นสุด ณ วันที่ 13 ก.ย. 67 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 1.96 ล้านบาร์เรล

ADVERTISMENT

ราคาน้ำมันเบนซิน

ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังปริมาณสำรองน้ำมันเบนซิน Amsterdam-Rotterdam-Antwerp (ARA) สิ้นสุด ณ วันที่ 12 ก.ย. 67 ปรับลดลง 0.49 ล้านบาร์เรล สู่ระดับ 7.8 ล้านบาร์เรล

ราคาน้ำมันดีเซล

ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังมีแรงขายจากเกาหลีใต้และอินเดียอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลในจีนชะลอตัวลงจากพายุไต้ฝุ่น Bebinca ที่พัดเข้าสู่ภาคตะวันออกของจีน ส่งผลให้เกิดดินถล่มหลายแห่งและถนนหลายเส้นถูกปิด

ADVERTISMENT