
NARIT กำลังติดตั้งเครื่องมือวัด PM 2.5 พร้อมเทคนิคใหม่เพื่อค้นหาฝุ่นมีต้นตอจาก “ละอองทุติยภูมิ” จริงหรือไม่
ฝุ่นละออง PM 2.5 กำลังจะกลายเป็นปัญหาซับซ้อนขึ้น เมื่อสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) หรือ NARIT ตั้งคำถามที่ว่า ต้นตอของฝุ่น PM 2.5 มาจากการเผาตามที่เข้าใจกันจริงหรือไม่
ดร.วิภู รุโจปการ รองผู้อำนวยการ NARIT ได้เผยแพร่ความเห็นที่ว่า นักวิทยาศาสตร์สามารถใช้เทคนิคที่เรียกว่า “Mass Spectrometry” ในการศึกษาองค์ประกอบของฝุ่นจากการจำแนกโครงสร้างโมเลกุลสารต่าง ๆ ออกมาในรูปแบบของสเปกตรัม ทำให้เห็นว่า สารนั้น ๆ มีองค์ประกอบที่แตกต่างกันอย่างไร ”เทคนิคนี้จะมีการนำมาใช้ศึกษาองค์ประกอบทางเคมีของฝุ่น PM 2.5 ในประเทศภายในปีนี้“ ดร.วิภูกล่าว
ที่ผ่านมาในเดือนมีนาคม 2567 องค์การอวกาศนาซา (NASA) ได้ใช้เครื่องบินติดตั้งเครื่องมือที่เรียกว่า Aerosol Chemical Speciation Monitor หรือ ACSM บินสูบอากาศเหนือเมืองเชียงใหม่ตอนช่วงวิกฤตฝุ่นปกคลุมเมืองในขณะนั้น ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่า ฝุ่นที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤตปีที่แล้วนั้น “เป็นฝุ่นที่มาจากการเผาไม่ถึงครึ่ง”
และด้วยวิธีการเดียวกันนี้ เปรียบเทียบกับการทดลองใช้เครื่องมือ ACSM ใกล้กับเมืองมิลาน อิตาลี ซึ่งมีองค์ประกอบของเมืองคล้ายกับ เชียงใหม่และกรุงเทพฯ ในระยะเวลา 1 ปีพบว่า ฝุ่น PM 2.5 ที่มิลานที่มีองค์ประกอบสารประกอบอินทรีย์ถึง 58% นั้น หากเทียบสัดส่วนเป็น 100% จะแยกออกมาได้ว่า มีสารที่เกิดจากการเผา (ไฮโดรคาร์บอน/เชื้อเพลิงฟอสซิล) แค่ 11% ส่วนที่เหลืออีก 66% เป็นสิ่งที่เรียกว่า “ละอองลอยทุติยภูมิ หรือ Secondary Organic Aerosol”
ทั้งนี้มีการให้คำจำกัดความของละอองลอย หรือฝุ่นทุติยภูมิ หมายถึง ฝุ่นละอองขนาดเล็กที่ปล่อยออกมาทำปฏิกิริยาเคมีกับก๊าซต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศ เช่น ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และ แอมโมเนีย จะกลายเป็นมลพิษทุติยภูมิ สามารถล่องลอยไปได้ไกลจากแหล่งกำเนิดมาก
ทั้งหมดนี้ได้สร้างความกังวลที่ว่า แท้จริงแล้วฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นเรื่องวิกฤตของประเทศขณะนี้ ”อาจจะ“ ไม่ได้มาจากการเผาเป็นสาเหตุหลักอย่างที่เข้าใจกัน ถ้าผลการศึกษาด้วยการใช้เครื่องมือ ACSM นั้น “ถูกต้อง”
ด้าน รศ.ดร.สุรัตน์ บัวเลิศ หัวหน้ากลุ่มวิจัยวิทยาศาสตร์ คณะสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ให้ความเห็นถึงการใช้เทคนิค Mass Spectrometry กับเครื่องมือ Aerosol Chemical Speciation Monitor หรือ ACSM ที่กำลังนำเข้ามาติดตั้งในไทยเพื่อศึกษาว่า ต้นตอของฝุ่น PM 2.5 มาจาก “การเผา” หรือเป็น “ฝุ่นทุติยภูมิ” ซึ่งเป็นละอองลอยเกิดจากการทำปฏิกิริยาเคมีกับก๊าซต่าง ๆ ในชั้นบรรยากาศกันแน่
โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องดีที่มีความพยายามที่จะหาต้นตอของฝุ่นมลพิษ PM 2.5 ข้อมูลที่ใช้ในการทำวิจัยต่อไปนั้น จะต้องคำนึงถึงการจัดเก็บมาก/น้อยอย่างไร วิธีการเก็บ ช่วงเวลาในการเกิดฝุ่น ส่วนข้อสรุประหว่างการจัดเก็บที่เชียงใหม่กับมิลาน สามารถตรวจเจอฝุ่นทุติยภูมิ ด้วยเทคนิคเดียวกันนั้น
“อย่าลืมว่า มันมีความแตกต่าง เพราะหลายประเทศในยุโรปมันเอาฝุ่นที่เป็น Primary Source หรือฝุ่นโดยตรงออกไปหมดแล้ว ดังนั้นพอฝุ่นโดยตรงถูกนำออกไป ฝุ่นในชั้นบรรยากาศก็คือ ฝุ่นทุติยภูมิ ความต่างจึงอยู่ตรงนี้ การที่จะตรวจวัดในไทยเหมือนที่ตรวจวัดในมิลานก็ต่อเมื่อประเทศไทยนำฝุ่นที่มาจากแหล่งโดยตรงหรือ Direct Source ลงไว้ก่อน มันถึงจะเห็นฝุ่นทุติยภูมิ“ รศ.ดร.สุรัตน์ให้ความเห็น
นอกจากนี้ที่เชียงใหม่ ถ้าฝุ่น PM 2.5 ส่วนใหญ่เกิดจากละอองหรือฝุ่นทุติยภูมิจริง ถ้ายังไม่ถึงฤดูเผาหรือช่วงวิกฤตฝุ่น PM 2.5 หนักที่สุด ค่าตรวจวัดฝุ่นทุติยภูมิก็จะต้องพุ่งสูงขึ้นด้วย “ถูกมั้ยครับ” แต่ในความเป็นจริงค่าฝุ่น PM 2.5 มันก็ไม่สูงขึ้นเพราะอะไร ”ก็เพราะยังไม่เผาไงครับ“
อย่างไรก็ตาม ถ้าผลการศึกษาที่ทาง NARIT กำลังดำเนินการต่อไปในปีนี้สามารถพิสูจน์ต้นตอของฝุ่น PM 2.5 มาจากฝุ่นทุติยภูมิจริงแล้ว นั่นหมายความว่า วิธีการหรือมาตรการที่รัฐบาลใช้รับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควันและฝุ่นละอองที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นการห้ามเผาโดยเด็ดขาด การควบคุมฝุ่นควันข้ามแดนจากประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะเป็นการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด เนื่องจากต้นตอของฝุ่น PM 2.5 ส่วนใหญ่ไม่ได้มาจากการเผา แต่มาจากการทำปฏิกิริยาเคมีของสารในชั้นบรรยากาศเป็นหลัก