จับตาราคาน้ำมันโลก หลังสหรัฐคว่ำบาตรอิหร่าน

คอลัมน์ DATA

สำนักงานนโยบายและแผนกระทรวงพลังงาน รายงานสถานการณ์ระดับราคาน้ำมันในช่วง 9-13 ก.ค. 2561 ว่า ทิศทางราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังทรงตัวสูงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยบวกคือซัพพลายน้ำมันดิบแหล่ง Syncrude ประเทศแคนาดา ที่มีกำลังการผลิต 360,000 บาร์เรลต่อวัน จะหยุดดำเนินการ ผลิตไปจนถึงเดือนกันยายน 2561 และกำลังการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งขุดเจาะน้ำมัน Knarr บริษัท Royal Dutch Shell ประเทศนอร์เวย์ หยุดชะงักจากการประท้วงของคนงานหลายร้อยคน ขณะที่ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมันมาจากการผลิตน้ำมันดิบจากซาอุดีอาระเบีย ราว 10.488 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 458,000 บาร์เรลต่อวัน

สำหรับราคาน้ำมันเบนซิน และน้ำมันดีเซลในภูมิภาคส่วนใหญ่ปรับราคาเพิ่มขึ้น เนื่องจากซัพพลายยังคงสูง และความต้องการนำเข้าเบนซินของจีนลดลง ขณะที่ราคาดีเซลในภูมิภาคได้รับแรงกดดันจากปริมาณสต๊อกดีเซลของยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น


อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องจับตามองมี 2 เรื่อง คือ ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐมีแนวโน้มลดลง และความเคลื่อนไหวของประเทศต่าง ๆ ที่นำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน หลังจากสหรัฐประกาศให้ทุกประเทศหยุดนำเข้าน้ำมันดิบจากอิหร่าน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 เป็นต้นไป ทั้งนี้ ปัจจุบันอิหร่านมีกำลังการผลิตน้ำมันดิบ 3.7-3.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน และส่งออก 2.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน