วันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 เวลา 14.00 น. ที่ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง และโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเรื่องการปรับสมดุลปาล์มน้ำมัน ว่า
ในที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ผลักดันในเรื่องของการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 300,000 ตัน โดยให้กระทรวงพลังงานนำน้ำมันปาล์มดิบไปใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ในโรงไฟฟ้าที่มีศักยภาพ จำนวน 160,000 ตัน เพื่อลดปริมาณสต๊อกน้ำมันปาล์มภายในประเทศ และได้มีการขยายระยะเวลาของการส่งออกจากเดิมที่จะสิ้นสุดประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ จะขยายเพิ่มขึ้นอีก 6 เดือน ประมาณเดือนพฤษภาคม 2562
- ร้านธงฟ้า 1.4 แสนแห่ง พร้อมรับดิจิทัลวอลเลต เช็กจังหวัดไหนร้านธงฟ้ามาก-น้อยสุด
- นักท่องเที่ยวเข้าต่ำแสน หวั่นโลว์ซีซั่นทรุดหนัก ททท.ชี้กระทบสั้นยอดบุ๊กกิ้งแอร์ไลน์แน่น
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
นายพุทธิพงษ์กล่าวต่อว่า ในด้านพลังงาน ครม.เห็นชอบให้ใช้น้ำมันปาล์มดิบ เป็นเชื้อเพลิงในเครื่องยนต์ ทั้งน้ำมันดีเซล B20 และไบโอดีเซล (B7) โดยให้มีการเพิ่มสัดส่วนน้ำมันปาล์มในการใช้ไบโอดีเซล (B7) จากอัตราส่วนผสมร้อยละ 6.5 – 7.0 เป็นร้อยละ 6.8 – 9.0 ซึ่งส่งผลให้มีการใช้น้ำมันปาล์มดิบเพิ่มขึ้นปีละ 80,000 ตัน และมอบหมายให้กระทรวงพลังงานหาแนวทางส่งเสริมและมาตรการจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ น้ำมันดีเซล B20 ในรถบรรทุกและรถยนต์ขนาดเล็ก
และยังเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการบริหารและกำกับดูแลมาตรการปรับสมดุลน้ำมันปาล์มในประเทศ (เฉพาะกิจ) เพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นประธาน
นอกจากนี้ยังได้มีแนวทางการผลักดันการส่งออกปาล์ม โดยได้เริ่มมีการเจรจากับต่างประเทศในเรื่องของส่งออกปาล์ม ซึ่งเชื่อว่าวิธีนี้น่าจะทำให้ราคาของปาล์มสูงขึ้นมาได้ ซึ่งตอนนี้ราคาปาล์มจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 2.60 บาท คาดว่าในระยะเวลาช่างสั้น ๆ ที่จะถึงนี้ ราคาปาล์มจะสูงขึ้นเป็น 3 – 10 บาท