พิษเทรดวอร์ฉุดส่งออกไทย’61 พลาดเป้าเหลือ 6.7% ปีนี้ตั้งเป้า 8%

นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.)กล่าวว่า การส่งออกไทยปี 2561 ขยายตัว 6.7% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายเป้าหมายตั้งไว้ 8% สาเหตุหลักมาจากผลกระทบจากภาวะสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ ทำให้การค้าโลกชะงัก หลายประเทศชะลอการนำเข้าซึ่งกระทบโดยตรงต่อการส่งออกไทย รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านของไทย

สำหรับตัวเลขการส่งออกเดือนธันวาคม 2561 สินค้าหลักที่ส่งออกไปจีนติดลบหนัก เช่น คอมพิวเตอร์ -42% , ยางพารา -45% , แผงวงจรไฟฟ้า -9.8% , อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ -4.3% รวมทั้งหลายตลาดส่งออกเริ่มมีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน เช่น ฮ่องกง เกาหลีใต้ และไต้หวัน นอกจากนี้ กลุ่มสินค้าเกษตร ขยายตัวในระดับต่ำ ทั้งน้ำตาลและยางพารา เนื่องจากปัจจัยด้านราคาทำให้การส่งออกเดือนธันวาคม 2561 มีมูลค่า 19,381 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ติดลบ 1.71% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ติดลบ 0.95% เนื่องจากการส่งออกในกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ใน 2 รายการสำคัญของไทย ทั้งคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ ติดลบถึง 16.9 % และแผงวงจรไฟฟ้า ติดลบ 4.5% จากปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ใช้มาตรการทางภาษีตอบโต้กัน ซึ่งส่งผลกระทบให้ชะลอตัวลงต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงครึ่งปีหลัง รวมทั้งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก

โดยหากดูเป็นรายตลาดในเดือนธันวาคมตลาดหลัก ติดลบ 0.5% จากการส่งออกไปตลาดสหภาพยุโรปที่ลดลง และที่สำคัญตลาดจีน ติดลบถึง 7.3% แต่ยังมีตลาดอาเซียน และตลาดเอเชียใต้ ที่ยังไปได้ดีอยู่ ส่งผลให้ในปี 2561 ไทย มีมูลค่าการส่งออกรวม 252,486 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นมูลค่าที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวได้ 6.7%

สำหรับปี 2562 กระทรวงพาณิชย์ ยังคงต้องเร่งหาตลาดใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเข้ามาทดแทน และพัฒนาสินค้าให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มอาหาร และอุตสาหกรรม ที่มีเทคโนโลยีสูงขึ้น โดยสนับสนุนการเข้ามาลงทุนของต่างชาติ เพื่อยกระดับสินค้าไทย เพื่อผลักดันการส่งออกไปสู่เป้าหมาย 8% รวมทั้งเร่งเจรจาความตกลงอาเซียนบวก 6 หรือ RCEP ให้จบโดยเร็ว เพื่อเพื่อเพิ่มแต้มต่อด้านภาษัให้สินค้าไทย

 

 

ที่มา  มติชนออนไลน์