เกลืออินเดียราคาถูกแค่ กก.ละ 1 บาท ทะลักเข้าไทย 18,432 ตัน พ่อค้าคนกลางฉวยโอกาสกดราคารับซื้อเกลือในประเทศแค่ กก.ละ 50 สตางค์ ชาวนาเกลือเหลืออด รวมตัวร้อง “จุรินทร์” จี้ใช้มาตรการปกป้องการนำเข้าพร้อมเก็บภาษี Safeguard ช่วยชาวนาเกลือปรับตัว 3 ปี
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานสภาพการค้าเกลือทะเลในประเทศว่า ขณะนี้มีเกลือทะเลจากประเทศอินเดียทะลักเข้ามาจำหน่ายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยราคาเกลืออินเดียเฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 1 บาทกว่า หรือ “ต่ำกว่า” ราคาเกลือทะเลภายในประเทศกก.ละ 3-5 บาท โดยปัจจุบันราคาในประเทศอยู่ที่ กก.ละ 4-6 บาทประกอบกับภาษีนำเข้าเกลือปัจจุบันอยู่ที่อัตราร้อยละ 0 ทำให้ตัวเลขนำเข้าเกลือ 11 เดือนแรกของปี 2562 มีปริมาณสูงถึง 18,498 ตันคิดเป็นมูลค่า 20.7 ล้านบาทในจำนวนนี้เป็นการนำเข้าเกลือจากอินเดียเกือบทั้งหมด คิดเป็นปริมาณ 18,432 ตัน มูลค่า 20.11 ล้านบาท
- ประกาศแล้ว! พระราชกฤษฎีกาเงินช่วยค่าครองชีพผู้รับเบี้ยหวัดบำนาญ รับ 11,000 บาทต่อเดือน
- บังคับใช้แล้ว! หลักเกณฑ์การดำเนินงาน 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว
- อะไรทำให้ “ทองคำ” แพง สงคราม หรือการเก็งกำไร ?
ทั้งนี้ ผู้นำเข้าเกลือ (พิกัด 25010099) จากอินเดีย ประกอบไปด้วย บริษัท อดิตยา เบอร์ล่า เคมีคัลส์ (ประเทศไทย) จำกัด, หจก.วรวัฒน์ยูเนี่ยน ซอลท์, บริษัท เกลือมหาชัย จำกัด, บริษัท สยามควอลิตี้ซอลท์ จำกัด และบริษัท ที ที เอช ซัพพลาย จำกัด โดยเกลือทะเลจากอินเดียที่ทะลักเข้ามาภายในประเทศได้สร้างความเสียหายให้กับกลุ่มผู้ผลิตเกลือสมุทร จนถึงขั้นต้องทำหนังสือร้องเรียนไปยัง นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ขอให้ออกมาช่วยเหลือชาวนาเกลือด้วย
นายเลอพงษ์ จั่นทอง ประธานสหกรณ์กรุงเทพ จำกัด จ.สมุทรสาคร กล่าวกับ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า สถานการณ์ราคาเกลือในประเทศลดต่ำลงอย่างมาก จากที่เคยขายได้ตันละ 3,000 บาท ตอนนี้ลดลงเหลือเพียงตันละ 500-600 บาท หรือลดลง 6 เท่า ส่งผลให้ชาวนาเกลือเดือดร้อน ประกอบกับตอนนี้มีสต๊อกเกลือจากปี 2562 เหลือตกค้างอยู่อีก 5,000 ตัน ที่สำคัญก็คือปีนี้ ประเทศไทยประสบกับปัญหาภัยแล้ง ฝนตกน้อยลง และมีแดดแรงมาก ทำให้สามารถผลิตเกลือทะเลได้เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ โดยสังเกตได้จากสต๊อกเกลือของเดือนมกราคม 2563 เพิ่มขึ้นถึง 1,440 ตัน พ่อค้าเกลือคนกลางก็ทราบสถานการณ์ดี และได้รวมหัวกันกดราคารับซื้อเกลือสมุทรในประเทศอย่างหนัก และยังหันไปซื้อเกลือนำเข้าจากอินเดียที่มีราคาถูกกว่าแทน
“ถ้ารัฐบาลไม่เข้ามาช่วยเหลือ เราแย่แน่นอน ราคาเกลือจะต่ำกว่าต้นทุนการผลิตอยู่แล้ว ตอนนี้ทางสหกรณ์ได้ประกันราคารับซื้อเกลือจากชาวนาเกลือไว้ที่ กก.ละ 1 บาท แต่ราคาขายจริงกลับอยู่ที่ประมาณ 70-80 สตางค์ ผมได้ยื่นเรื่องขอความช่วยเหลือจากประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม รวมถึงหน่วยงานต่าง ๆ ในจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งภาครัฐและเอกชน ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาเกลือ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ช่วยขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งประสานงานกับภาคอุตสาหกรรมจนได้โรงงานเข้ามารับซื้อเกลือไปบางส่วน” นายเลอพงษ์กล่าว
ด้าน น.ส.เกตุแก้ว สำเภาทอง เลขาฯสมาพันธ์ชาวนาเกลือทะเลไทย กล่าวว่า ปัจจุบันมีเกลือที่ชุมนุมสหกรณ์เกลือผลิตมีปริมาณ 20,000 กว่าตัน แต่เป็นเกลือที่ชาวนาเกลือขายไม่ได้ เพราะถูกพ่อค้าคนกลางกดราคารับซื้อมาก โดยอ้างราคาเกลือนำเข้าจากอินเดียที่จำหน่ายอยู่ประมาณ กก.ละ 90 สตางค์เท่านั้น ขณะที่ราคาเกลือไทยอยู่ที่ 1.5-2 บาท/กก. ดังนั้นพ่อค้าจึงกดราคาเกลือไทยลงจนเหลือ 50-70 สตางค์/กก. แต่ชาวนาเกลือบางรายต้องยอมขาย เพราะหากไม่ขายก็ไม่สามารถระบายเกลือที่มีอยู่ในสต๊อกออกไปได้
ล่าสุดมีรายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ว่า เกลือสมุทรมีราคาตกต่ำจากการถูกเกลืออินเดียตีตลาด ได้เข้าสู่การประชุมของคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (คปป.) ครั้งที่ 1/2563 แล้ว โดยที่ประชุมมีมติให้ศึกษาความเป็นไปได้ในการใช้มาตรการผลการศึกษาเบื้องต้น คาดว่าสามารถนำมาตรการปกป้องการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น หรือ safeguard มาใช้ได้ทันที หากพบว่าเกิดความเสียหายจากการนำเข้าเกลือจากต่างประเทศ ประกอบกับการใช้มาตรการ safeguard สามารถดำเนินการไต่สวนได้เร็วกว่ามาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (antidumping) นอกจากนี้แล้ว การใช้มาตรการ safeguard ยังสามารถบังคับใช้ด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าเกลือมีระยะเวลา 3 ปี ซึ่งเพียงพอให้ชาวนาเกลือปรับตัวและพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตแข่งขันกับเกลือนำเข้าจากต่างประเทศได้
“กระบวนการเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการ safeguard จะต้องหาเจ้าภาพก่อน โดยกรมส่งเสริมการเกษตรมีคณะทำงานพัฒนาเกลือที่ใช้กำกับดูแลสินค้ารายการนี้อยู่แล้ว และคณะทำงานกำลังรวบรวมรายชื่อเกษตรกรผู้ผลิตเกลือสมุทรว่ามีจำนวนเท่าไร จากปัจจุบันชาวนาเกลือค่อนข้างกระจัดกระจาย เพื่อให้ทราบข้อมูลแน่ชัดว่า ต้นทุนการผลิตเกลือในประเทศอยู่ที่เท่าไร จะได้นำมาคำนวณผลความเสียหายจากเกลือนำเข้าราคาถูกจากอินเดีย เมื่อได้ตัวเลขความเสียหายที่ชัดเจนแล้วจึงจะยื่นคำร้องมายัง คปป. พิจารณาเปิดไต่สวน หากเข้าเกณฑ์การใช้มาตรการ 8 ข้อ ก็จะประกาศใช้มาตรการ safeguard ซึ่งจะเป็นการขึ้นภาษีนำเข้าเกลือเป็นเวลา 3 ปีได้” แหล่งข่าวกล่าว
อย่างไรก็ตาม นอกจากการหาตัวเลขความเสียหายจากการนำเข้าเกลือจากอินเดียแล้ว ทางกระทรวงพาณิชย์ยังได้ประสานไปยังกรมศุลกากร ขอให้แยกพิกัดการนำเข้าสินค้าเกลือที่เพิ่มขึ้นว่า เป็นเกลือเพื่อการบริโภค หรือเกลือสำหรับใช้ในอุตสาหกรรม มีปริมาณมากน้อยเพียงใด หากพบว่าเกลือที่นำเข้ามาเพิ่มขึ้นเป็นเกลือที่ใช้สำหรับบริโภค กระทรวงก็จะประสานไปยังสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) เพื่อพิจารณาขอให้มีการใช้มาตรการกำกับเกลือบริโภค เพื่อดูว่าเกลือบริโภคนำเข้ามีสารอาหารไอโอดีนเพียงพอหรือไม่ ซึ่งสามารถทำได้ภายใต้ พ.ร.บ.สาธารณสุข หากจำเป็นอาจจะต้องใช้มาตรการขออนุญาตนำเข้าเกลือ เพื่อดูแลไม่ให้ส่งผลกระทบผู้บริโภคก็ทำได้เช่นกัน
ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ผู้ผลิตอาหารไม่ใช่กลุ่มหลักที่ใช้เกลือทะเล ส่วนใหญ่ผู้ผลิตอาหารจะใช้เกลือสินเธาว์ เพราะมีกฎระเบียบต่าง ๆ ที่บังคับไว้ว่าจะต้องมีมาตรฐานสารไอโอดีนเท่าไร ซึ่งการใช้เกลือทะเลควบคุมตามมาตรฐานได้ยาก และเกลือดังกล่าวมีสารโลหะหนักที่เป็นส่วนผสมอยู่สามารถแยกออกได้หรือไม่ ทางกลุ่มอาหารจึงไม่นิยมใช้เกลือทะเลเทียบกับกลุ่มผู้ผลิตแก้วและกระจกจะใช้เกลือทะเลมากกว่า โดยราคาเกลือสินเธาว์ที่ใช้เฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 6 บาท และเกลือสมุทร กก.ละ 4 บาท