บริษัทต่างด้าวลงทุนในไทย เพิ่ม 35% ครึ่งปีแรก มูลค่า 5.3 พันล้าน

บริษัทต่างชาติ ลงทุนในไทยเพิ่ม

ครึ่งปี 2563 บริษัทต่างด้าวลงทุนไทยเพิ่ม 35% ดูดเงินลงทุน 5,357 ล้านบาท ขณะที่ในเดือนมิถุนายน ได้อนุญาตให้ต่างชาติลงทุนในไทยทั้งหมด 22 ราย คิดเป็นเงินลงทุนประกอบธุรกิจ 1,587 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 3,575 คน

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเปิดเผยว่า ในการประชุมของคณะกรรมการฯ เมื่อวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2563 คณะกรรมการฯ ได้อนุญาตให้คนต่างชาติ 22 ราย ประกอบธุรกิจในประเทศไทยภายใต้ พ.ร.บ.ต่างด้าวฯ

ส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติจากประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ซึ่งมีการนำเงินเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจกว่า 1,587 ล้านบาท และส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานคนไทย 3,575 คน รวมถึงมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีอันเป็นองค์ความรู้เฉพาะด้านโดยตรงจากประเทศผู้เข้ามาลงทุน

ขณะที่ ในเดือน มกราคม-มิถุนายน 2563 คนต่างด้าวได้รับใบอนุญาต จำนวน 134 ราย มีเงินลงทุนทั้งสิ้น 5,357 ล้านบาท และเมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนปรากฏว่า จำนวนธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเพิ่มขึ้น 35 ราย คิดเป็นร้อยละ 35

โดยมีต่างชาติลงทุนประกอบธุรกิจ อาทิ บริการขุดเจาะปิโตรเลียม บริการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการด้านการเงินและการลงทุนของบริษัทในเครือ ค้าปลีกเครื่องบดย่อยและคัดแยกขนาด (Crusher and Screening Equipment) อุปกรณ์ลำเลียงและขนถ่าย (Conveyor) อุปกรณ์แต่งแร่ (Minerals Processing Equipment) และบริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาหอกลั่น (Tower) และเตาปฏิกรณ์ (Reactor) รวมทั้งท่อแยกแก๊ส เป็นต้น

นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า

ธุรกิจต่างด้าวที่ได้รับอนุญาต มิ.ย. 2563

สำหรับธุรกิจที่คนต่างด้าวได้รับอนุญาต ได้แก่

1. ธุรกิจบริการโดยเป็นคู่สัญญากับเอกชน จำนวน 4 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น และจีน มีเงินลงทุนจำนวน 542 ล้านบาท อาทิ

  • บริการขุดเจาะปิโตรเลียม
  • บริการออกแบบ จัดซื้อ จัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ ก่อสร้าง ติดตั้ง และทดสอบโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม
  • บริการออกแบบทางวิศวกรรม จัดหาวัสดุอุปกรณ์ ก่อสร้าง และติดตั้ง ทดสอบและบำรุงรักษา สำหรับโครงการก่อสร้างคลังน้ำมันเชื้อเพลิง

2. ธุรกิจบริการให้แก่บริษัทในเครือ/ในกลุ่ม จำนวน 6 ราย โดยเป็นนักลงทุนจากประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และเนเธอร์แลนด์ มีเงินลงทุนจำนวน 632 ล้านบาท อาทิ

  • บริการให้ข้อมูลเกี่ยวกับบริการด้านการเงินและการลงทุนของบริษัทในเครือที่ประเทศสิงคโปร์
  • บริการสนับสนุนบุคลากรไปดำเนินการตรวจสอบภายในของกลุ่มบริษัท

3. ธุรกิจนายหน้า ค้าปลีก ค้าส่ง จำนวน 7 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศญี่ปุ่น ฟินแลนด์ เยอรมนี เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ มีเงินลงทุนจำนวน 181 ล้านบาท อาทิ

  • นายหน้าประกันชีวิต ประเภทการจัดการให้มีการประกันภัยโดยตรง
  • ค้าปลีกเครื่องบดย่อยและคัดแยกขนาด (Crusher and Screening Equipment) อุปกรณ์ลำเลียงและขนถ่าย (Conveyor) อุปกรณ์แต่งแร่ (Minerals Processing Equipment)
  • ค้าส่งกาแฟสำเร็จรูปพร้อมดื่ม และผลิตภัณฑ์นม

4. ธุรกิจบริการให้แก่ลูกค้า จำนวน 5 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากประเทศสวิส ซามัว อังกฤษ สิงคโปร์ และหมู่เกาะบริติชเวอร์จิน มีเงินลงทุนจำนวน 232 ล้านบาท อาทิ

  • บริการซ่อมแซมและบำรุงรักษาหอกลั่น (Tower) และเตาปฏิกรณ์ (Reactor) รวมทั้งท่อแยกแก๊ส
  • บริการรับจ้างผลิต วิจัยและพัฒนาชิ้นส่วนยานยนต์ ให้แก่ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมยานยนต์
  • บริการออกแบบพร้อมติดตั้งระบบโซล่าเซลล์ รวมทั้งซ่อมแซมบำรุงรักษาสินค้าประเภทแผงโซล่าเซลล์

สำหรับเดือนมิถุนายน 2563 ธุรกิจที่ได้รับอนุญาตเป็นธุรกิจที่มีลักษณะเป็นคู่สัญญาเอกชน โดยเป็นบริการที่สนับสนุนธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมการลงทุนของภาครัฐ ดังตัวอย่างที่กล่าวมาข้างต้นนี้