บางกอกเจมส์ แนะลงทุนออม “อัญมณี” เหมือนซื้อหุ้นช่วงราคาตก

สัมภาษณ์พิเศษ

ภาพรวมการส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ในช่วง 8 เดือนแรก 2563 มีมูลค่า 15,206 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 32.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนก็จริง แต่หากแยกเป็นรายกลุ่มจะพบว่าส่วนใหญ่เป็นการส่งออกทองคำ ถึง 12,271 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 97.5% ส่วนสินค้าเครื่องประดับที่ไม่นับรวมทองคำมีมูลค่าเพียง 2,935 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบถึง 44% ถือว่าเป็นการส่งออกที่หดตัวรุนแรงที่สุดเป็นประวัติการณ์

“ประชาชาติธุรกิจ” สัมภาษณ์พิเศษ “สุริยน ศรีอรทัยกุล” ในฐานะประธานกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ถึงสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 ต่อการส่งออก และแผนรับมือการค้าซบเซา

ภาพรวมส่งออกอัญมณี

ปีนี้เหนื่อยหนักที่สุดตั้งแต่มีอุตสาหกรรมมาเลย การส่งออกลดลงไปกว่า 40% หากมองในแง่ดีเราก็ยังดีกว่าบางธุรกิจ เช่น กลุ่มโรงแรมที่กลายเป็น 0 เลย เมื่อเกิดวิกฤตก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่การส่งออกจะลดลง ทุกคนประเมินได้อยู่แล้วว่าสถานการณ์จะรุนแรง ทั้งในส่วนของตลาดส่งออก และตลาดนักท่องเที่ยวในประเทศ ซึ่งโดยปกติอุตสาหกรรมนี้จะส่งออก 85% ขายภายใน จากการท่องเที่ยวคอนทริบิวต์รายได้ 15% รวมเกือบ 4-5 แสนล้านบาท

บางกอกเจมส์ออนไลน์

ในช่วงโค้งสุดท้ายกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เป็นแม่งานจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับออนไลน์ หรือบางกอกเจมส์ออนไลน์ขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พฤศจิกายนนี้ เราก็จะเข้าร่วมเป็น exhibitor เป็นการจัดงานเพื่อให้มีช่องทางการจำหน่ายรับกระแสพฤติกรรมผู้บริโภคแบบใหม่ที่เรียกว่า new normal ซึ่งไม่ใช่แค่ไทยที่ทำฮ่องกงที่เคยจัดงานเหมือนเราก็ทำ ซึ่งต่างคนก็ต่างจะได้ประโยชน์เพราะลูกค้าก็ยังเข้าชมงานได้ เทรดแฟร์ ออนไลน์ ทำให้สินค้าเรายังสามารถผ่านตาลูกค้าได้บ้าง ถ้าเราทำผลิตภัณฑ์สวยถูกใจลูกค้าก็ยังขายได้ นี่เป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดที่ต้องหาวิธีทำชั่วคราวไปก่อน ใช้การสื่อสารผ่านช่องทางออนไลน์

เหตุที่อัญมณีไม่สามารถจัดเป็นไฮบริดกึ่งออนไลน์แบบงานแฟร์อาหารไทยเฟกซ์ได้ เพราะงานอาหารมีลูกค้าในประเทศส่วนหนึ่ง แต่บางกอกเจมส์มีลูกค้าต่างประเทศเป็นหลัก ถ้า 90% ยังไม่สามารถเดินทางมาร่วมงานได้ก็ไม่มีประโยชน์ ทางกรมคงเห็นว่าการเก็บกำลังเอาไว้เพื่อรอสถานการณ์ดีขึ้นในปีหน้าจะดีกว่า หากอีก 2 เดือนกลับมาดี ก็จัดแฟร์ไฮบริดรอบเดือนกุมภาพันธ์ 2564 ได้ ซึ่งเรื่องนี้ต้องดูนโยบายของภาครัฐด้วยว่าจะเปิดประเทศเมื่อไร อย่างไร

ยอดขายลดลงกว่าปีก่อน

“ต้องยอมรับว่ายอดขายคงไม่เท่าเดิม เพราะลูกค้าไม่สามารถเดินทางเข้ามาชมงานได้ แต่มองให้วิกฤตเป็นโอกาสว่าจังหวะนี้ทำให้ผู้ที่เล็งจะทำการตลาดออนไลน์มานานก็เริ่มได้แล้ว

ผมเห็นว่ามีบางรายที่มีลูกค้าที่ทำการค้ากันมาอย่างยาวนาน ลองทำออนไลน์ก็มียอดขายกระเตื้องกลับมาในระดับที่ใกล้เคียงกับก่อนโควิดเลย แต่ถ้าถามว่าภาพรวมยังกระทบอยู่ไหม ก็กระทบ เพราะทั้งโลกเขายังไม่กลับมาซื้อขายอัญมณี ทุกคนยังรัดเข็มขัด วิกฤตนี้จะคล้ายกับวิกฤตเมื่อปี 1997 ซึ่งสิ่งที่สำคัญคือระหว่างนี้จะรักษาฐานลูกค้าอย่างไร เพื่อให้หลังโควิด กลับมาเหมือนเดิม”

เราเข้าใจถึงสถานการณ์ว่าปัญหามันเกิด แต่ทำให้มันกลับมาเหมือนเดิมทันทีคงยังไม่ได้ ระหว่างนี้จะทำอย่างไรให้โรงงานพร้อมผลิตงานและนำรายได้กลับมาให้ประเทศดังเดิม ทุกคนจะไปคิดถึงภาพเก่าเหมือนคนป่วยก็ต้องพักฟื้นร่างกาย ธุรกิจก็เหมือนกัน ต้องประคองธุรกิจ

กลุ่มสมาชิกเดือดร้อน

สมาชิกของกลุ่มเรามีประมาณ 72 ราย เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ ยอดขายรวมกันหลายหมื่นล้าน ทุกคนก็มีความกังวลใจคล้ายกันเรื่องการจะทำอย่างไร จะรักษาพนักงาน ฐานลูกค้า และกำลังการผลิต ให้เลี้ยงและประคองธุรกิจไปได้ให้นานที่สุด เฉกเช่นเดียวกับธุรกิจทั่วโลก แต่ก็ยังมีความหวังว่า

ทุกคนจะกลับมาซื้อสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเป็นของขวัญให้แก่กัน ปีใหม่ คริสต์มาส หรือวาเลนไทน์ ยกตัวอย่างเช่น ช่วงวิกฤต 9-11 เราคิดว่า

ตลาดสหรัฐจะต้องวอดวายไปเลย แต่ปรากฏว่าปีนั้นยอดส่งออกไปตลาดสหรัฐ เติบโต 30% เพราะคนไม่รอช้าที่จะซื้อของขวัญให้แก่กัน แต่ถ้าผู้ผลิตล้มหายไปเลย ไม่สามารถทำให้บริษัทที่ผลิตกลับมาได้ หลังวิกฤตจะเป็นเรื่องที่ลำบาก

“ตอนนี้เราคุยกับสมาชิกทุกคนให้แต่ละคนต้องดูบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ดี พยายามหารายได้เข้ามาให้บาลานซ์กับรายจ่ายหรืออาจจะกินเนื้อเล็กน้อย ถามว่าทำไมผ่านวิกฤตมาตั้งแต่เดือน 2ถึงเดือน 8 แล้วยังอยู่ได้ ยกตัวอย่างบิวตี้เจมส์ของเรา จริงอยู่ที่เป็นบริษัทใหญ่ เครดิตดี แต่เราก็มีรายจ่ายมาก มีพนักงานมาก 3,000 คน ก็ต้องพยายามสร้างรายรับเข้ามาให้มาก เราทำทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมส่งเสริมการขายตามห้างต่าง ๆ เราออกอีเวนต์ที่ชิดลม ต่อเนื่องถึงงานวอตช์แฟร์ทำให้มีรายได้ที่เพียงพอสำหรับใช้ไปถึงปลายปี”

แรงงานเคว้ง “100,000 คน”

หากให้ประเมินเฉพาะเรามีจำนวนแรงงาน 3,000-4,000 คน สมาชิก 72 บริษัท หากมีบริษัทละ 1,000 คน รวมแล้วก็มีจำนวนแรงงานเกือบ 100,000 คน ไม่นับรวมกลุ่มเอสเอ็มอี ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะตกงานเป็นเรื่องจริง จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากรัฐ และสถาบันการเงิน

“ขอให้ดูธุรกิจที่มองว่าทำอะไรต่อให้ประเทศได้ หรือเป็นเอกลักษณ์ของประเทศ แล้วรักษาเอาไว้ แน่นอนว่าต้องเป็นอัญมณี บางคนอาจจะคิดว่าเรามียอดส่งออกเยอะเพราะทองคำ ก็จริง แต่เราก็มีการแยกแคทิกอรี่ชัดเจน และทองก็ถือเป็นหนึ่งในอัญมณีและเครื่องประดับ”

คาถาฝ่าวิกฤต

สิ่งที่เราเสนอผ่านไปทาง ส.อ.ท. คือ

1) การขยายเวลาสำหรับมาตรา 33 ประกันสังคมออกไปอีก แต่ก็คิดว่ามาตรการนี้คงยาก ธุรกิจเดือดร้อนหมด เราก็ไม่รู้ว่ารัฐจะมีเพียงพอจะมาช่วยหรือไม่

2) ภาคเอกชนก็ช่วยเหลือตัวเองด้วยการรัดเข็มขัด เราขอให้พนักงานเข้าใจเจ้าของธุรกิจด้วย ว่าต้องนำองค์กรฝ่าวิกฤตนี้ไปให้ได้ แนวทางที่เราทำ เรื่องแรกคือ การดูแลรายรับรายจ่ายทุกวัน ใช้วิธีการบริหารจัดการขั้นสูง เช่น วัตถุดิบบางอย่างที่เราสามารถร่วมมือกับลูกค้า ให้ลูกค้าส่งให้บางอย่างไปก่อน เช่น ทอง หรือวัตถุดิบ ก็ลดภาระส่วนนี้ไป หรือบางอย่างเราต้องลงทุนก็ลงทุน

3) สถาบันการเงินต้องร่วมมือกันช่วยเหลือเอกชนอย่างจริงจัง ถ้าเอกชนรอดท่านก็รอด เรื่องการยืดพักชำระหนี้ขอขยายไป 2-3 ปี เรายืนยันได้ว่าธุรกิจอัญมณีเป็น NPL น้อยมาก ประมาณไม่ถึง 2%

4) ภาคประชาชน ขอให้ช่วยกัน คนที่พอมีกำลัง คนเกษียณที่เก็บเงินไว้ในธนาคารตอนนี้อาจจะดอกเบี้ยอาจจะไม่จูงใจก็สามารถลงทุนได้ ในทุก ๆ ตัวเลย ทั้งทอง มรกต พลอย และเพชร เป็นต้น

ฝากเงินไม่เท่าลงทุนอัญมณี

“ช่วงนี้เป็นช่วงขาลง สินค้าอัญมณีหลาย ๆ ตัวราคาลดลง เช่น พลอยราคาลงบางชิ้นถูกลงกว่าปกติเยอะมาก คนจะขายออกมาในช่วงนี้ หากเรายังมีเงินทุนอยู่ก็ซื้อเก็บ คล้ายกับการช้อนซื้อหุ้นช่วงราคาตก เพราะเรารู้ว่าในอนาคตพลอยสวย ๆ เหล่านี้หาไม่ได้ เช่น บางชิ้น 3-4 ล้านบาท เหลือแค่ 1 ล้านบาท เราก็ซื้อเลย โอกาสมีเสมอต้องหาให้เจอ”

วิกฤตครั้งนี้ทำให้ประชาชนเห็นว่าเป็นโอกาสในการลงทุนอัญมณี เช่น บางคนเอาทองคำที่เก็บไว้ 20 ปีมาขาย เดิมทองคำ 1 กก. อาจได้แค่ 3 แสน แต่ครั้งนี้จะได้ถึง 2 ล้านกว่า ต่ออายุไปได้อีก 3 ปี คนที่มองเห็นเหตุการณ์นี้และยังมีกำลังซื้อก็ควรซื้อเก็บสำรองไว้เวลาที่ไม่ดีก็เอาที่สำรองไว้มาช่วย

นายสุริยนกล่าวสรุปว่า จะเป็นอีกครั้งที่เกิดการออมอัญมณีช่วยชาติ เหมือนวิกฤตปี 1997 ตอนนั้นรากหญ้าไม่กระทบ คนรวยกระทบแบงก์เรียกคืนเงินสดหมดเลย หนี้ NPL พุ่ง 50-60% คนแห่ถอนเงิน ต้องเอาเพชรพลอยมาขาย ค่าบาทจาก 25 บาทต่อเหรียญสหรัฐ เพิ่มเป็น 55 บาทต่อเหรียญสหรัฐ คนที่เคยซื้อเพชรเม็ดละ 5 ล้านบาท ขายได้ 10 ล้านบาท ค้ำจุนโรงงานได้