EEC ลงนาม อีสท์ วอเตอร์ เช่าที่ราชพัสดุวางระบบบริหารจัดการน้ำระยะยาว 29 ปี

สนามบินอู่ตะเภา

อีอีซี คัดเลือก บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ ลงนามเป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เช่าที่ราชพัสดุในเขตส่งเสริมฯ พื้นที่ 35 ไร่ เพื่อประกอบกิจการงานระบบประปาและบำบัดน้ำเสียเพื่อความมั่นคงในโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระยะยาว 29 ปี

วันที่ 4 ธ.ค. 2563 นางสาวทัศนีย์ เกียรติภัทราภรณ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นโครงการเอกชนร่วมลงทุน หรือ PPP ที่ได้ลงนามในสัญญาร่วมลงทุนกับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมา โดยสัญญาร่วมลงทุนได้กำหนดไว้ให้คู่สัญญาฝ่ายรัฐเป็นผู้จัดหาสาธารณูปโภคประปาและระบบบำบัดน้ำเสียที่ต้องใช้ในพื้นที่โครงการฯ ซึ่งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานระดับสากล

เนื่องจากสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกจะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยและเป็นศูนย์กลางด้านการบินในอนาคต ทั้งนี้ กองทัพเรือและ สกพอ. เล็งเห็นความสำคัญของการใช้น้ำอย่างประหยัดภายในพื้นที่โครงการ จึงได้กำหนดให้มีขอบเขตของการนำน้ำกลับมารีไซเคิล ระบุในเอกสารการคัดเลือกผู้เช่าที่ดินราชพัสดุเพื่อประกอบกิจการสาธารณูปโภคนอกเหนือจากงานระบบประปาและบำบัดน้ำเสีย

สกพอ. มอบหมายให้กองทัพเรือในฐานะหน่วยงานร่วมเจ้าของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและ
เมืองการบินภาคตะวันออกและหน่วยงานที่ใช้ประโยชน์พื้นที่อยู่เดิม ดำเนินการคัดเลือก โดย บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เป็นผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้เช่าที่ราชพัสดุในเขตส่งเสริมฯ พื้นที่ 35 ไร่

เพื่อประกอบกิจการด้านงานระบบประปา ระบบน้ำเสีย ระบบการนำน้ำกลับมาใช้ใหม่หรือน้ำรีไซเคิล ตลอดระยะเวลาสัญญา 29 ปี 6 เดือน ซึ่งเป็นโครงการบริหารจัดการน้ำอย่างครบวงจร สร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรน้ำ ในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกให้มีประสิทธิภาพสูงสุด อันจะเป็นการส่งเสริมให้ประเทศไทย มีขีดความสามารถในการแข่งขันในฐานะประตูเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย

นายจิรายุทธ รุ่งศรีทอง กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ เปิดเผยว่า วันนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งสำคัญ มีการลงนามเช่าที่ดินราชพัสดุร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) เพื่อเดินหน้าโครงการบริหารจัดการน้ำครบวงจรทั้งระบบ ซึ่งจะรองรับการใช้น้ำที่เกิดจากการพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออกได้เป็นอย่างดีด้วยศักยภาพและความเชี่ยวชาญของอีสท์ วอเตอร์ พร้อมก้าวสู่การเป็น Total Water Solutions จะช่วยสร้างเสถียรภาพความมั่นคงด้านน้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อรองรับการเติบโตของทุกภาคส่วนตามนโยบายโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย

ทั้งนี้ อีสท์ วอเตอร์ มีแนวคิดในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา โดยมีระบบท่อส่งน้ำดิบหนองปลาไหล – ดอกกราย – มาบตาพุด – สัตหีบ สามารถส่งจ่ายน้ำดิบได้มากถึง 318 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี หรือประมาณ 0.87 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน อีกทั้ง ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมการวางท่อส่งน้ำมาบตาพุด –สัตหีบ เส้นที่ 2 เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจในอนาคต เพิ่มศักยภาพการส่งจ่ายน้ำดิบในอีก 10 ปีถัดไป ได้อย่างเพียงพอยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ อีสท์ วอเตอร์ มีการออกแบบระบบผลิตน้ำประปา ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขนาดกำลังการผลิต 20,000 ลบ.ม. ต่อวัน ซึ่งเป็นการผลิตน้ำประปาที่สะอาดมีคุณภาพระดับสากล ลดการใช้พื้นที่ติดตั้ง มีกำลังการผลิตได้ตามความต้องการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น ออกแบบระบบบำบัดน้ำเสียให้เหมาะกับโครงการที่เป็นการพัฒนาพื้นที่ในระยะยาว รองรับน้ำเสีย 16,000 ลบ.ม. ต่อวัน เป็นการบริหารจัดการน้ำเสียที่ไม่กระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนโดยรอบสนามบิน โดยทางอีสท์ วอเตอร์ สกพอ. และกองทัพเรือ ให้ความสำคัญกับเรื่องของการบริหารจัดการน้ำเสียในพื้นที่สนามบินฯ เป็นอย่างมาก

เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ประชาชนและชุมชนโดยรอบสนามบิน ควบคู่กับการสร้างความยั่งยืนในระบบนิเวศ สร้างระบบน้ำรีไซเคิลกำลังการผลิต 5,000 ลบ.ม. ต่อวัน โดยนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในระบบทำความเย็นกลาง เน้นย้ำให้เห็นถึงการเป็นผู้นำในด้านการบริหารจัดการน้ำครบวงจร และใส่ใจในการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดอย่างแท้จริง ซึ่งอีสท์ วอเตอร์ จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการน้ำแบบครบวงจร สร้างความมั่นคงและเสถียรภาพด้านน้ำ รองรับการเติบโตอย่างยั่งยืนของโครงการอีอีซี ในอนาคต