“พริก” ราคาไม่แพงแล้ว กรมการค้าภายในขู่เอาผิด คุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสน

กรมการค้าภายในเผยสถานการณ์ “พริกราคาแพง” คลี่คลายลงแล้ว  แต่ยังจับตาใกล้ชิด หากพบขาดแคลน จะเชื่อมโยงพริกจากแหล่งผลิตเข้าไปจำหน่าย เตือนพ่อค้าแม่ค้า หากจงใจขายแพง จะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายเด็ดขาด มีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท 

วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 นายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ขณะนี้ปัญหาสถานการณ์ราคาพริกได้คลี่คลายลงแล้ว หลังจากที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวผลผลิตและขายออกสู่ตลาดได้เพิ่มขึ้น และได้ออกมากช่วงปลายม.ค.-ก.พ.2564 ส่งผลให้ราคาพริกปรับลดลงจากเดือนธ.ค.2563

และจากการตรวจสอบราคาจำหน่ายปลีก ณ จังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 31 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา พบว่าราคาพริกได้มีการปรับราคาลดลง ทั้งในส่วนของปริมาณผลผลิตที่เพิ่มขึ้นจากสภาพอากาศ และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาในภาพรวมมีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง และเข้าสู่ภาวะปกติแล้วทั้งในส่วนกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด

วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน
วัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ได้มอบพาณิชย์จังหวัดติดตามตรวจสอบภาวะการค้าปลีกพริกอย่างเข้มข้นใกล้ชิด เพื่อกำกับดูแลให้การตั้งราคาขายปลีกพริก สะท้อนต้นทุนที่ผู้ค้ารับซื้อมา และสอดคล้องกับสถานการณ์การผลิตการตลาด และหากผลผลิตพริกยังไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ให้ดำเนินการเชื่อมโยงพริกจากแหล่งผลิต หรือตลาดกลางเข้าไปจำหน่ายโดยตรงต่อไป

สำหรับโทษ หากพบว่ามีการฉวยโอกาสขึ้นราคา จะดำเนินคดีตามกฎหมาย กรณีที่จงใจขายแพงเกินสมควร มีโทษจำคุก 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ก่อนหน้านี้ มีข่าวการนำเสนอเรื่องพริกในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาปรับสูงขึ้น อยู่ที่เม็ดละ 1 บาท ซึ่งกรมการค้าภายในได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว พบว่า พริกที่จำหน่ายในจังหวัดนครราชสีมาและเป็นที่มาของข่าว เป็นพริกแดงเม็ดใหญ่ โดยราคาที่เป็นข่าวเป็นการนำพริกมาแบ่งบรรจุถุงขายปลีก

ทางด้านสถานการณ์การผลิตพริก แหล่งผลิตใหญ่อยู่ในพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยภูมิ ซึ่งผลผลิตเริ่มทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่ช่วงเดือนธ.ค.2563 เป็นต้นมา โดยจากข้อมูลของเกษตรกรผู้ปลูกพริก พบว่า ผลผลิตพริกฤดูกาลนี้ มีปริมาณลดลง ซึ่งเป็นผลกระทบจากสภาพอากาศหนาวและแปรปรวน ทำให้มีผลต่อปริมาณพริกและการเจริญเติบโตของเมล็ดพริก