สถาบันอัญมณีฯ โชว์ศักยภาพหน่วยงานตรวจสอบอัญมณีระดับโลก หลังผู้ผลิตพลอยชั้นนำศรีลังกา และตัวแทนสมาคมพลอยสีโลก เชิญเข้าร่วมศึกษาเชิงลึกก้อน “แซฟไฟร์” ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนัก 510 กิโลกรัม ที่เพิ่งค้นพบเมื่อเร็ว ๆ นี้
วันที่ 2 ธันวาคม 2564 นายสุเมธ ประสงค์พงษ์ชัย ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT เปิดเผยว่า GIT ได้รับเชิญจาก มร.กามินี ซอยซา ผู้ก่อตั้งและกรรมการบริษัท Mincraft ผู้ผลิตและจำหน่ายพลอยชั้นนำของประเทศศรีลังกา และตัวแทนจาก The International Colored Gemstone Association (ICA) สมาคมด้านพลอยสีที่สำคัญของโลก เข้าร่วมในการศึกษาเชิงลึกก้อนแซฟไฟร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักถึง 510 กิโลกรัม ที่ค้นพบจากหมู่บ้าน Kahawatta ประเทศศรีลังกาเมื่อเร็ว ๆ นี้
“นับเป็นครั้งแรกของโลกที่ก้อนแซฟไฟร์ได้รับการวิเคราะห์ในเชิงลึก ซึ่งประกอบด้วยการตรวจวิเคราะห์และศึกษาคุณลักษณะ เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลพลอยแซฟไฟร์จากแหล่งอื่น ๆ และบ่งชี้สภาพแวดล้อมในการเกิดที่แท้จริง (Origin) ของก้อนแซฟไฟร์นี้ โดยผลการศึกษาจะได้รับการนำเสนอในงานสัมมนาวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีศาสตร์ International Gemmological Conference (IGC) และตีพิมพ์ในวารสารด้านอัญมณีศาสตร์นานาชาติต่อไป” นายสุเมธกล่าว
สำหรับก้อนแซฟไฟร์ดังกล่าว ถูกพบในหมู่บ้าน Kahawatta ห่างจากเมืองรัตน-ปุระ แหล่งพลอยชื่อดังของประเทศศรีลังกาไปประมาณ 28 กิโลเมตร โดยก้อนแซฟไฟร์นี้ ประกอบไปด้วยผลึกแซฟไฟร์ขนาดเล็กจำนวนมาก ขนาดตั้งแต่ 0.5 ถึง 6 เซนติเมตร ส่วนใหญ่มีสีน้ำเงินอมเทาอ่อน ซึ่งหาได้ยากในปัจจุบัน
นายสุเมธกล่าวว่า มร.กามินี ซอยซา ได้ประสานมายังสถาบันในฐานะห้องปฏิบัติการตรวจสอบอัญมณีและเครี่องประดับได้การยอมรับในระดับสากล โดยได้ส่งตัวอย่างผลึกแซฟไฟร์มาเพื่อทำการวิจัยและตรวจสอบเชิงลึกด้วยเทคนิคขั้นสูงต่าง ๆ เช่น Raman Spectroscopy , LA-ICP-MS โดยพบว่าแต่ละผลึกมีมลทินเส้นเข็มเป็นจำนวนมาก มีความเป็นไปได้ที่พลอยเหล่านี้จะแสดงปรากฎการณ์สาแหรก หากได้รับการเจียระไนแบบหลังเบี้ย และยังพบมลทินแร่อื่น เช่น แร่รูไทล์ (rutile) แร่ยูรานิไนท์ (uraninite) แร่เพทาย (zircon) เป็นต้น
นอกจากนี้ ลักษณะก้อนที่พบ ยังแสดงรูปร่างผลึกที่ชัดเจน ทำให้สันนิษฐานได้ว่าก้อนแซฟไฟร์ มีแหล่งกำเนิดใกล้กับหินเหย้าแบบปฐมภูมิ (primary host rock) หากมีการนำไปปรับปรุงคุณภาพด้วยความร้อนจะทำให้สีดูสวยงามขึ้น
ทั้งนี้ ความร่วมมือในการศึกษาและวิจัยก้อนแซฟไฟร์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ระหว่างสถาบันและบริษัท Mincraft ประเทศศรีลังกาในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของสถาบันทั้งในด้านมาตรฐานและความเป็นเลิศด้านวิชาการที่ได้รับการยอมรับในระดับโลก ซึ่งนับเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนและยกระดับอุตสาหกรรมอัญมณีของประเทศไทย