สุพัฒนพงษ์ ดันลงทุนพลังงานปีหน้า เคลื่อนเศรษฐกิจเฉียด 5 แสนล้าน

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน

ปี 64 กระทรวงพลังงาน หนุนลงทุน 3 แสนล้าน “สุพัฒนพงษ์ “ กางแผนลุยต่อปี 65 ผนึกพันธมิตรชู “Collaboration for Change: C4C ดันไทยสู่ยุคพลังงานสะอาด พัฒนา 3 ด้าน สังคมคาร์บอนต่ำ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เฉียด 5 แสนล้าน

วันที่ 23 ธันวาคม 2564 นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ทั่วโลกตระหนักถึงสภาวะโลกร้อนส่งผลให้ภัยธรรมชาติเริ่มทวีความรุนแรงและส่งผลกระทบมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งการให้ความสำคัญต่อเป้าหมายการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นศูนย์ตามแผนที่ประกาศในการประชุม COP26 ทำให้ภาคพลังงานถือเป็นรากฐานสำคัญที่จะสร้างความแข็งแกร่งในการแข่งขันของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมในเวทีโลก

ในปี 2565 กระทรวงพลังงานมุ่งมั่นกำหนดทิศทางแผนการดำเนินงานภายใต้มิติ “Collaboration for Change: C4C ก้าวสู่ยุคพลังงานสะอาด จับมือพันธมิตรเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยโดยจะมุ่งเน้นการปรับบทบาทองค์กรเพื่อก้าวสู่ยุค Energy Transition ปลดล็อก กฎระเบียบ และจับมือทุกภาคส่วนเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาที่สำคัญ 3 ด้าน คือ

1. ด้านพลังงานสร้างความมั่นคงสู่เป้าหมายสังคมคาร์บอนต่ำ อาทิ การจัดทำแผนพลังงานแห่งชาติที่คำนึงถึงพลังงานสะอาดและการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเช่น การขับเคลื่อน Grid Modernization สมาร์ทกริด ปลดล็อกกฎระเบียบการซื้อขายไฟฟ้าสะอาด และบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ในประเทศ

บูมลงทุน กระตุ้นเศรษฐกิจ

2. ด้านพลังงานเสริมสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งคาดว่าจะมีการลงทุน 491,032 ล้านบาท ขับเคลื่อน โครงการต่าง ๆ 7 ด้าน เช่น โครงการประกอบกิจการปิโตรเลียม ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้ให้ประเทศมูลค่ากว่า 44,300 ล้านบาท การกำหนดโครงสร้างราคาน้ำมันและสัดส่วนการผสมเชื้อเพลิงชีวภาพให้มีความเหมาะสม เป็นธรรมและเกิดประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในระดับที่เหมาะสม

การส่งเสริมการลงทุน ปิโตรเคมี ระยะ 4 ใน EEC กำหนดทิศทางการขยายการลงทุนปิโตรเคมีกระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤตโควิด เพื่อให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในปี 2565-2569 กว่า 2-3 แสนล้านบาท การส่งเสริมลงทุนต่อเนื่องโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานมูลค่ากว่า 143,000 ล้านบาท ส่งเสริมการลงทุน EV Charging Station และยานยนต์ไฟฟ้า

และเร่งพัฒนาระบบไฟฟ้าเพื่อรองรับการขยายตัวการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในอนาคต ขยายผลการลงทุนพลังงานสะอาดทุกรูปแบบ ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและพลังงานทดแทนผ่านกองทุนอนุรักษ์ฯปี 2565 วงเงินกว่า 1,800 ล้านบาท

และ 3. ด้านพลังงานลดความเหลื่อมล้ำและ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เดินหน้ากระจายเม็ดเงินลงทุนสู่ชุมชน 76 จังหวัด ทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีพลังงานลดต้นทุนการผลิต สร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ชุมชน พัฒนาคุณภาพชีวิตชุมชน พร้อมขับเคลื่อนโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อระยะที่ 1 พร้อมเตรียมการขยายผลโรงไฟฟ้าชุมชนระยะที่ 2

ตั้งไข่แผนพลังงานชาติ

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ยังได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานของกระทรวงพลังงานในรอบปี 2564 ว่า ช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิดกระทรวงยังได้ขับเคลื่อนให้เกิดการลงทุน ในระบบเศรษฐกิจและการช่วยเหลือสังคมรวม 302,000 ล้านบาท

ในส่วนของกระทรวงพลังงานนั้น ได้เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางพลังงาน เป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คู่ขนานกับการช่วยเหลือสังคม บรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงานในสังกัด รัฐวิสาหกิจและบริษัทในเครือ โดยในด้านบทบาทภารกิจหลัก เช่น จัดทำ“แผนพลังงานแห่งชาติ”

มุ่งสู่เป้าหมายลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เป็นศูนย์ภายในปี ค.ศ. 2050 ปรับโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศไทย ภายในปี 2564-2568 ให้สะท้อนต้นทุนในการให้บริการของกิจการไฟฟ้าอย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทั้งผู้รับใบอนุญาตและผู้ใช้ไฟฟ้าทุกกลุ่ม

ปี 64 ขับเคลื่อนการลงทุน 3 แสนล้าน

ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ได้ผลักดันให้เกิดเม็ดเงินลงทุนในระบบเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 205,000 ล้านบาท อาทิ และการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลและบริษัทในเครือมูลค่ากว่า 169,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาพลังงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมูลค่ากว่า 1,800 ล้านบาท ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานตามนโยบายรัฐบาลจำนวน 25,777 อัตรา รวมถึงสร้างรายได้จากการประกอบกิจการปิโตรเลียม รวมมูลค่า 34,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานช่วงสถานการณ์โควิด-19 ครอบคลุมทั้งประชาชนและภาคธุรกิจ รวมมูลค่า 97,113 ล้านบาท ภายใต้มาตรการที่สำคัญๆ อาทิ การลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนและกิจการขนาดเล็กกว่า 62 ล้านราย

การตรึงค่า Ft ตลอดปี 2564 การตรึงราคาขายปลีก LPG สำหรับผู้มีรายได้น้อย กลุ่มร้านค้าหาบเร่แผงลอยอาหาร รวมถึงได้ดำเนินมาตรการช่วยเหลือด้วยการรักษาระดับราคาน้ำมันดีเซล ไม่ให้เกิน 30 บาท/ลิตร เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการซึ่งอาจจะส่งผลต่อราคาสินค้าในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกผันผวนตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 จนถึงเดือนมีนาคม 2565 รวมทั้งตรึงราคาขายปลีกก๊าซ NGV เพื่อช่วยเหลือผลกระทบต่อรถสาธารณะที่ใช้ก๊าซ NGV

มอบของขวัญปีใหม่ 2,300 ล้าน

“กระทรวงพลังงานยังได้จัดทำมาตรการของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชนซึ่งคาดว่าจะใช้เม็ดเงินประมาณ 2,300 ล้านแบ่งเป็น การ ตรึงราคาดีเซล ไม่เกินลิตรละ 30 บาท ไปจนถึง 31 ม.ค.65 และไม่ปรับราคาน้ำมัน 11 วัน ตั้งแต่ 25 ธ.ค.-4ม.ค.65 ขยายการให้ส่วนลดก๊าซหุงต้ม 100 บาท/ถัง”

“และตรึงราคาจำหน่ายก๊าซหุงต้ม 318 บาท/ถัง จนถึง 31 ม.ค.65 และตรึงราคา NGV 15.59 บาท/กก. ถึง 15 ก.พ. 65 รวมถึงการมอบคูปองส่วนลดในการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดไฟเบอร์ 5 มูลค่า 500 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์ และส่วนลด 50% สำหรับที่พักบนเขื่อน กฟผ. และสำหรับการซื้อสินค้าชุมชน”