ราคาน้ำมัน-เนื้อหมู แพงดันเงินเฟ้อ ธ.ค. 2564 เพิ่ม 2.17%

นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)
นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.)

สนค.เผยเงินเฟ้อธันวาคม 2564 เพิ่มขึ้น 2.17% หลังราคาน้ำมัน เนื้อหมู ผัก ราคาเพิ่มขึ้น ส่วนเงินเฟ้อทั้งปี 2564 เพิ่ม 1.23% ใกล้เคียงที่คาดไว้ พร้อมคงเป้าปี 2565 ค่ากลาง 1.5% จับตาโอไมครอน

วันที่ 5 มกราคม 2565 นายรณรงค์ พูนพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (เงินเฟ้อทั่วไป) เดือนธันวาคม 2564 เท่ากับ 101.86 ลดลง 0.38% เทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2564 ที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 2.17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2564 (ม.ค.-ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 1.23% ใกล้เคียงกับที่ประมาณการไว้ที่ 0.8-1.2% ส่วนการคาดการณ์เงินเฟ้อปี 2565 ยังคงคาดการณ์เดิมที่อยู่ในช่วง 0.7-2.4% ค่ากลางอยู่ที่ 1.5% แต่ทั้งนี้ การระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ยังเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามเพราะอาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจ แรงงาน

อย่างไรก็ดี สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนธันวาคม 2564 เพิ่มขึ้น มาจากการเพิ่มขึ้นของสินค้าที่สำคัญหลายรายการ โดยน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่ม 26.26% แม้รัฐบาลจะช่วยตรึงราคาน้ำมันดีเซล แต่ราคาขายปลีกในประเทศยังสูงกว่าเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีราคาค่อนข้างต่ำ เนื้อสุกร เพิ่มขึ้นตามต้นทุนการเลี้ยง ทั้งค่าอาหารสัตว์ ค่าดูแลและการป้องกันโรคระบาด ผู้เลี้ยงรายย่อยลดการเลี้ยง ทำให้หมูเข้าสู่ตลาดลดลง

“แต่ราคาหมูที่เพิ่มขึ้นมองว่าเป็นผลตามกลไกการผลิต ไม่ได้ขึ้นอย่างนัยสำคัญและไม่มีผลกระทบต่อเงินเฟ้อในปีนี้ เนื่องจากไม่ใช่สินค้าพื้นฐาน แต่หากเป็นราคาน้ำมันที่จะกระทบ แต่จากการติดตาม ราคาน้ำมันยังคงทรงตัว”

ขณะที่ผักสด เช่น มะเขือ กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักบุ้ง ถั่วฝักยาว เพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการที่สูงขึ้น ไข่และผลิตภัณฑ์นม เพิ่มขึ้นตามต้นทุนการเลี้ยง อาหารบริโภคในบ้านและนอกบ้าน เพิ่มขึ้นตามต้นทุนวัตถุดิบ น้ำมันปาล์ม ราคาขึ้นตามวัตถุดิบ สบู่ แชมพู ครีมนวดผม สูงขึ้นหลังสิ้นสุดโปรโมชั่น บุหรี่สูงขึ้นจากการปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิต

ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง เช่น ข้าวสารเจ้าและข้าวสารเหนียว จากผลผลิตที่มีมากขึ้น ผลไม้ เช่น เงาะ ส้มเขียวหวาน น้ำดื่ม กาแฟผงสำเร็จรูป ที่ลดลงจากการกระตุ้นการขาย เสื้อผ้า ค่ากระแสไฟฟ้า จากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ ค่าเช่าบ้าน และค่าลงทะเบียน ค่าธรรมเนียมการศึกษา ขณะที่สินค้าอื่น ๆ เช่น เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สิ่งที่เกี่ยวกับทำความสะอาด และของใช้ส่วนบุคคล ยังเคลื่อนไหวในทิศทางที่ปกติ สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจและปริมาณผลผลิต

นายรณรงค์กล่าวว่า สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มขึ้นของเงินเฟ้อในปี 2565 นี้ มาจากแรงสนับสนุนจากการท่องเที่ยว การส่งออก การผลิต และความต้องการด้านพลังงาน รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐในรูปแบบต่าง ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อของประชาชน ส่วนปัจจัยที่จะมีผลกระทบ มาจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการผลิต การขนส่ง เงินบาท และการขาดแคลนแรงงาน และยังต้องจับตาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน

ส่วนสมมุติฐาน ที่มีต่อเงินเฟ้อปี 2565 การขยายตัวทางเศรษฐกิจขยายตัว 3.5-4.5% น้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ 63-73 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 31.5-33.5 บาทต่อเหรียญสหรัฐ โดยการพิจารณายังไม่ได้รวมถึงปัจจัยการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเฉพาะเชื้อไวรัสโอไมครอน ซึ่งจะต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากมองว่าจะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อในปีนี้