พาณิชย์ ชี้ราคาเนื้อหมู-ไก่ทรงตัว ไล่ตรวจสต๊อกพบความผิด 12 ราย

ปลัดพาณิชย์ ประชุมวอร์รูมติดตามราคาสินค้า พบสินค้าเริ่มทรงตัว เนื้อหมู-เนื้อไก่-น้ำมันปาล์ม-ผักสด มีเพิ่มและลด เผยสำหรับการตรวจห้องเย็น โรงเชือด 616 ราย พบผิด 12 ราย ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 นายบุณยฤทธิ์ กัลยาณมิตร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานการประชุมคณะทำงานกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าแก้ไขปัญหาและดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืน และกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ครั้งที่ 3/2565 โดยมีพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศ เข้าร่วมการประชุมผ่านระบบ Zoom ว่า

จากการรายงานติดตามราคาสินค้าจากชุดสายตรวจในพื้นที่ กรุงเทพฯ 55 ชุดลงตรวจสอบทั้ง 50 เขตทั่วกรุงเทพฯ ตลาดสด 103 แห่ง ห้างสรรพสินค้า ไฮเปอร์มาเก็ต 101 แห่ง และทุกจังหวัดทั่วประเทศ ลงพื้นที่ตรวจสอบทุกสัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2565 จนถึงปัจจุบันราคาโดยรวมทรงตัว ทั้งเนื้อสุกร ไก่ ไข่ไก่ ผักสด 

“การติดตามดูแลราคาสินค้าจะตรวจสอบสำหรับผู้ที่กระทำความผิดกฎหมาย เช่น ไม่ติดป้ายแสดงราคาสินค้า ขายแพงเกินสมควร ขายไม่ตรงป้าย หากผิดจะถือว่าผิดกฎหมาย จำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”

นอกจากนี้ ในที่ประชุมวอร์รูมยังได้มอบหมายให้มีการติดตามสถานการณ์สินค้าอุปโภคบริโภคอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ เช่น ซอสปรุงรส เครื่องใช้ไฟฟ้า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป สินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ยาฆ่าแมลง อาหารสัตว์ และสินค้าเกษตรสำคัญ รวมถึงติดตามปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการปรับลดหรือขึ้นของสินค้า เช่น ราคาน้ำมัน ก๊าซหุงต้ม และติดตามสถานการณ์เงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด  ซึ่งจะมีระบบเข้ามาติดตามดูแลราคาสินค้าอย่างเข้มข้นต่อไป

สำหรับการรายงานการติดตามสินค้า พบว่าเนื้อหมูราคาลดลงค่อนข้างมาก โดยราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดง ส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 164-170 บาท ลดจากสัปดาห์ที่แล้ว (วันที่ 30 ม.ค.) ที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 187 บาท และตอนนี้เฉลี่ยทั้งประเทศ กก.ละ 175 บาท

สำหรับเนื้อไก่ ราคาเริ่มทรงตัว เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาที่จำหน่ายในห้างเนื้อน่องติดสะโพก กก.ละ 65 บาท เป็นราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำกับดูแลและในตลาดสด ราคาแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ แต่เฉลี่ยอยู่ที่ กก.ละ 70-75 บาท และคาดว่าแนวโน้มราคาจะยังทรงตัวต่อไป เพราะต้นทุนอื่น ๆ ยังคงที่

ส่วนน้ำมันพืชปาล์ม แนวโน้มราคาไม่น่าจะสูงขึ้นแล้ว และกำลังเริ่มลดลง แต่จะยังทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากยังเป็นสต๊อกเก่าที่ราคาต้นทุนสูง และจากนั้นราคาจะปรับตัวลดลง เพราะผลผลิตปาล์มสด เริ่มออกสู่ตลาดในช่วงเดือน มี.ค. 2565 เป็นต้นไป โดยราคาที่สำรวจจากร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ขวดลิตรละ 64-65 บาท และในห้าง 61-62 บาท

ผักสด มีราคาทั้งเพิ่มขึ้นและลดลง แต่ละจังหวัดแตกต่างกัน เนื่องจากผักเป็นสินค้าที่มีแหล่งผลิตเฉพาะ บางที่ปลูกได้ บางที่ปลูกไม่ได้ และยังมีต้นทุนค่าขนส่งเป็นตัวแปร แต่ตามที่ได้รับรายงาน คาดว่าผักไม่น่าจะสูงไปกว่านี้ ถ้าไม่มีภัยธรรมชาติเข้ามา ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่ว ๆ ไป ราคาทรงตัว ยกเว้นภาคใต้ ที่ราคาอาจจะสูงกว่าภาคอื่นเล็กน้อย เพราะมีต้นทุนในเรื่องค่าขนส่ง จากระยะทางที่ไกล

นายบุณยฤทธิ์ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังได้รับรายงานผลการตรวจสอบสต๊อกเนื้อสุกร ทั้งในส่วนของห้องเย็นและโรงเชือด ซึ่งเป็นไปตามประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ที่กำหนดให้การเก็บเนื้อสุกรตั้งแต่ 5,000 กก.ขึ้นไป ต้องแจ้งปริมาณการเก็บทุกสัปดาห์

โดยมีข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ ระบุว่า มีห้องเย็น โรงเชือด รวมทั้งสิ้น 511 ราย แต่มีผู้ที่แจ้งรายงานสต๊อกเข้ามา 404 ราย เพราะอยู่ในกลุ่มที่เก็บสต๊อกเนื้อสุกรเกิน 5,000 กก. ที่กำหนดให้แจ้งรายงานเข้ามา

แต่ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายในได้เข้าไปตรวจสต๊อกเนื้อสุกรทุกแห่ง ทั้งที่เก็บเกิน และไม่เกินตามประกาศที่ต้องแจ้งสต๊อก รวมตรวจสอบทั้งสิ้น 616 ราย แบ่งเป็น ในส่วน 404 ราย ที่มีสต๊อกเนื้อสุกร เกิน 5,000 กก. ขึ้นไป มีเนื้อหมูทั้งสิ้น 15.5 ล้าน กก.

และหากรวมสต๊อกที่มีทั้งหมด รวม 616 ราย จะมีเนื้อหมูในสต๊อกรวม 19.5 ล้าน กก. ในการตรวจสอบในจำนวนนี้ พบผู้กระทำผิด ไม่แจ้งปริมาณตามที่กฎหมายกำหนด และผิด พ.ร.บ. คลังสินค้า ไซโลและห้องเย็น 12 ราย 

เจ้าหน้าที่ได้ทำการส่งฟ้องศาลและมีคำพิพากษาจากศาล หรือ ตัดสินความผิด แล้ว 3 ราย คือ 1.ไม่แจ้งข้อมูลตามประกาศ กกร. 1 ราย ศาลสั่งปรับ 1 หมื่นบาท 2.ไม่แจ้งข้อมูล ปรับ 5,000 บาท และปรับรายวันอีกวันละ 500 บาท รวม 13 วัน มีโทษจำคุกด้วย แต่รอลงอาญา 1 ปี 3.ปรับสูงสุด 1 หมื่นบาท ลดกึ่งหนึ่ง และปรับรายวันอีกวันละ 500 บาท รวม 10 วัน ส่วนที่เหลืออีก 9 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดีและส่งฟ้องต่อไป

ส่วนกรณีเรื่องของราคาพลังงานที่กังวลว่าจะมีผลกระทบต่อราคาสินค้า จากการติดตามและการวิเคราะห์นั้น ต้นทุนการผลิตสินค้า ต้นทุนส่วนหนึ่งมาจากค่าไฟฟ้า น้ำมันดีเซล ซึ่งจะมีผลต่อการขนส่ง แต่หากดูสัดส่วนแล้วมีผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าน้อยมาก

และจากการติดตามวัตถุดิบสำคัญของการผลิตสินค้ายังคงทรงตัว ส่วนราคาแก๊ส LPG ก็มีผลกระทบต่อต้นทุนอาหารจานเดียวน้อยมาก ซึ่งไม่สามารถเป็นเหตุปัจจัยที่จะขึ้นราคาสินค้า อย่างไรก็ดี เพื่อช่วยเหลือประชาชน กรมการค้าภายใน เตรียมจัดรถโมบายธงฟ้า เพื่อออกไปจำหน่ายสินค้าราคาถูกกว่าท้องตลาด ทั้ง เนื้อสุกร ไข่ไก่ น้ำมันพืช เป็นต้น