ซาอุเลิกแบนนำเข้าไก่ไทย 5 โรงงานซีพีเอฟจ่อส่งมอบ

ไก่สด-ส่งออก

อานิสงส์ซาอุฯ ยกเลิกแบน เปิดออร์เดอร์ไก่ไทย 11 โรงงาน คาดดันยอดส่งออก 5,000 ตัน “ประสิทธิ์” ขอบคุณรัฐมั่นใจ 5 โรงงานซีพีเอฟพร้อมส่งมอบภาย 1-2 เดือนนี้ ด้าน ส.ผู้ผลิตไก่ชี้เป้าหมายส่งออกไก่ปี 65 โต 1% ปริมาณ 9.4 แสนตัน

นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2565 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ

จากนั้นกรมปศุสัตว์ได้ลงนามและส่งเอกสาร Minutes of the Health and Technical Requirement for the Import of Poultry Meat and its Products และประสานไปยังองค์การอาหารและยา ซาอุดีอาระเบีย หรือ Saudi Food & Drug Authority (SFDA) พิจารณายกเลิกมาตรการระงับและห้ามการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทยหลังจากที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548

นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า ถือเป็นข่าวดีด้านการส่งออกปศุสัตว์ไทยอย่างยิ่ง เป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ปี 2565 ของความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง เพราะ SFDA แจ้งผลการพิจารณาว่าจะยกเลิกการห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทย โดยภายหลังจบการหารือ ทางเว็บไซต์ SFDA ได้เปลี่ยนสถานะการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทย จาก “banned” เป็น “permitted” และมีรายชื่อสถานประกอบการส่งออกที่อนุญาตขึ้นทะเบียนจำนวน 11 แห่ง

สำหรับโรงงาน 11 แห่งประกอบด้วย 1.GFPT PUBLIC COMPANY LIMITED 2.Bangkok Ranch PUBLIC co, Ltd. 3.Sky food co. Ltd 4.CENTRAL POULTRY PROCESSING co, Ltd. 5.SUN FOOD INTERNATIONAL CO., LTD. และ 6-11 โรงงาน ได้แก่ CPF (Thailand) Public Company

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่าตามที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อไก่ ไข่ไก่และผลิตภัณฑ์ไก่แบบสด แช่เย็นและแช่แข็งจากประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2547

ล่าสุดองค์การอาหารและยา ซาอุฯ ได้ออกประกาศทางเว็บไซต์อนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกของไทยจากโรงงาน 11 แห่ง โดยมีโรงงานผลิตเนื้อไก่ของซีพีเอฟจำนวน 5 แห่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา ซาอุฯ ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค

และสร้างความมั่นใจให้กับประเทศผู้นำเข้ารายอื่นต่อผลิตภัณฑ์ไก่ของซีพีเอฟที่มาจากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานอาหารปลอดภัยระดับสากล ตามหลักศาสนาอิสลาม (ฮาลาล) มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นทาง

“ขอขอบคุณรัฐบาลไทยและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยผลักดัน ดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐบาลซาอุฯอย่างเต็มที่ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ผู้ประกอบการของไทยสามารถส่งออกไก่ไทยไปยังซาอุฯได้

ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทย โดยตลาดซาอุฯเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีประชากร 35.6 ล้านคน อยู่ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Corporation Council) นำเข้าผลิตภัณฑ์ไก่สูงสุดถึงปีละ 5.9 แสนตัน

มีอัตรการบริโภคคนละ 45 กก.ต่อปี ซีพีเอฟเองเคยเป็นผู้ส่งออกไก่แปรรูปไปยังซาอุฯเป็นอันดับ 1 ของไทย ก่อนที่จะมีมาตรการห้ามนำเข้า นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทย” นายประสิทธิ์กล่าว

สำหรับโรงงานชำแหละไก่ และโรงงานแปรรูปไก่เนื้อของซีพีเอฟ 5 แห่งประกอบด้วย โรงงานชำแหละไก่มีนบุรี โรงงานแปรรูปไก่เนื้อมีนบุรี 1 โรงงานแปรรูปไก่เนื้อมีนบุรี 2 โรงงานชำแหละไก่สระบุรี และโรงงานแปรรูปไก่เนื้อสระบุรี

หลังจากที่หน่วยงานองค์การอาหารและยาได้เดินทางมาตรวจสอบมาตรฐานกระบวนการผลิตของโรงงานซีพีเอฟล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งจะพร้อมดำเนินการส่งออกได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายนนี้

ด้านนายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า หลังจากการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้คาดว่าจะขยายการส่งออกไปยังตลาดซาอุฯได้ประมาณ 5,000 ตัน จากในอดีตเคยส่งออกได้ 1,000 ตัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของโรงงานที่ได้รับการรับรองว่าจะมีความพร้อมในการส่งมอบสินค้าได้เมื่อไร เบื้องต้นคาดว่าภายใน 3 เดือนหลังจากตกลงซื้อขาย

ทั้งนี้ ตลาดซาอุฯนำเข้าไก่จากทั่วโลกปริมาณ 500,000 ตัน โดย 70% เป็นการนำเข้าไก่สดทั้งตัว และ 30% นำเข้าเป็นไก่ชำแหละ ไก่แปรรูป

นายคึกฤทธิ์กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ในปี 2565 คาดว่ามีปริมาณ 940,000 ตัน ขยายตัว 1% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 108,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ปีนี้ผู้ส่งออกต้องเผชิญต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น จากค่าขนส่งในตลาดหลักโดยเฉพาะสหภาพยุโรป และข้อติดขัดเรื่องการตรวจสอบโควิดของตลาดจีน ซึ่งอาจจะทำให้มูลค่าตลาดดังกล่าวลดลง แต่จะมีออร์เดอร์จากตลาดซาอุฯมาทดแทน รวมไปถึงการมองโอกาสการส่งออกไก่ไปยังตลาดอียูทดแทนยูเครน