อานิสงส์ซาอุฯ ยกเลิกแบน เปิดออร์เดอร์ไก่ไทย 11 โรงงาน คาดดันยอดส่งออก 5,000 ตัน “ประสิทธิ์” ขอบคุณรัฐมั่นใจ 5 โรงงานซีพีเอฟพร้อมส่งมอบภาย 1-2 เดือนนี้ ด้าน ส.ผู้ผลิตไก่ชี้เป้าหมายส่งออกไก่ปี 65 โต 1% ปริมาณ 9.4 แสนตัน
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่าตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะ เยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อวันที่ 25-26 มกราคม 2565 เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 30 ปี เพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ
- เปิด 10 อันดับมหาวิทยาลัยรัฐ-ราชภัฏ-เอกชน ที่ได้รับความนิยมมากสุด
- โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ ข้าราชการในพระองค์ฝ่ายทหาร 3 ราย
- ราคาทองวันนี้ (24 เม.ย. 67) พุ่งขึ้น 250 บาท ทองรูปพรรณ 41,100 บาท
จากนั้นกรมปศุสัตว์ได้ลงนามและส่งเอกสาร Minutes of the Health and Technical Requirement for the Import of Poultry Meat and its Products และประสานไปยังองค์การอาหารและยา ซาอุดีอาระเบีย หรือ Saudi Food & Drug Authority (SFDA) พิจารณายกเลิกมาตรการระงับและห้ามการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทยหลังจากที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548
นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวเพิ่มเติมว่า ถือเป็นข่าวดีด้านการส่งออกปศุสัตว์ไทยอย่างยิ่ง เป็นการเริ่มต้นศักราชใหม่ปี 2565 ของความสัมพันธ์ไทย-ซาอุดีอาระเบียอีกครั้ง เพราะ SFDA แจ้งผลการพิจารณาว่าจะยกเลิกการห้ามนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทย โดยภายหลังจบการหารือ ทางเว็บไซต์ SFDA ได้เปลี่ยนสถานะการนำเข้าสินค้าสัตว์ปีกและผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกจากประเทศไทย จาก “banned” เป็น “permitted” และมีรายชื่อสถานประกอบการส่งออกที่อนุญาตขึ้นทะเบียนจำนวน 11 แห่ง
สำหรับโรงงาน 11 แห่งประกอบด้วย 1.GFPT PUBLIC COMPANY LIMITED 2.Bangkok Ranch PUBLIC co, Ltd. 3.Sky food co. Ltd 4.CENTRAL POULTRY PROCESSING co, Ltd. 5.SUN FOOD INTERNATIONAL CO., LTD. และ 6-11 โรงงาน ได้แก่ CPF (Thailand) Public Company
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่าตามที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียประกาศยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าเนื้อไก่ ไข่ไก่และผลิตภัณฑ์ไก่แบบสด แช่เย็นและแช่แข็งจากประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2547
ล่าสุดองค์การอาหารและยา ซาอุฯ ได้ออกประกาศทางเว็บไซต์อนุญาตให้นำเข้าผลิตภัณฑ์สัตว์ปีกของไทยจากโรงงาน 11 แห่ง โดยมีโรงงานผลิตเนื้อไก่ของซีพีเอฟจำนวน 5 แห่งได้ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา ซาอุฯ ช่วยตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค
และสร้างความมั่นใจให้กับประเทศผู้นำเข้ารายอื่นต่อผลิตภัณฑ์ไก่ของซีพีเอฟที่มาจากกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐานอาหารปลอดภัยระดับสากล ตามหลักศาสนาอิสลาม (ฮาลาล) มีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอน และสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ตั้งแต่ต้นทาง
“ขอขอบคุณรัฐบาลไทยและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ช่วยผลักดัน ดำเนินการกับหน่วยงานของรัฐบาลซาอุฯอย่างเต็มที่ รวมทั้งติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด ส่งผลให้ผู้ประกอบการของไทยสามารถส่งออกไก่ไทยไปยังซาอุฯได้
ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทย โดยตลาดซาอุฯเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง มีประชากร 35.6 ล้านคน อยู่ในกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Corporation Council) นำเข้าผลิตภัณฑ์ไก่สูงสุดถึงปีละ 5.9 แสนตัน
มีอัตรการบริโภคคนละ 45 กก.ต่อปี ซีพีเอฟเองเคยเป็นผู้ส่งออกไก่แปรรูปไปยังซาอุฯเป็นอันดับ 1 ของไทย ก่อนที่จะมีมาตรการห้ามนำเข้า นี่จึงเป็นโอกาสที่ดีของผู้ประกอบการไทย” นายประสิทธิ์กล่าว
สำหรับโรงงานชำแหละไก่ และโรงงานแปรรูปไก่เนื้อของซีพีเอฟ 5 แห่งประกอบด้วย โรงงานชำแหละไก่มีนบุรี โรงงานแปรรูปไก่เนื้อมีนบุรี 1 โรงงานแปรรูปไก่เนื้อมีนบุรี 2 โรงงานชำแหละไก่สระบุรี และโรงงานแปรรูปไก่เนื้อสระบุรี
หลังจากที่หน่วยงานองค์การอาหารและยาได้เดินทางมาตรวจสอบมาตรฐานกระบวนการผลิตของโรงงานซีพีเอฟล่วงหน้าตั้งแต่ปี 2562 ที่ผ่านมา ซึ่งจะพร้อมดำเนินการส่งออกได้ตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคมหรือต้นเดือนเมษายนนี้
ด้านนายคึกฤทธิ์ อารีปกรณ์ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย กล่าวว่า หลังจากการฟื้นความสัมพันธ์ครั้งนี้คาดว่าจะขยายการส่งออกไปยังตลาดซาอุฯได้ประมาณ 5,000 ตัน จากในอดีตเคยส่งออกได้ 1,000 ตัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความสามารถของโรงงานที่ได้รับการรับรองว่าจะมีความพร้อมในการส่งมอบสินค้าได้เมื่อไร เบื้องต้นคาดว่าภายใน 3 เดือนหลังจากตกลงซื้อขาย
ทั้งนี้ ตลาดซาอุฯนำเข้าไก่จากทั่วโลกปริมาณ 500,000 ตัน โดย 70% เป็นการนำเข้าไก่สดทั้งตัว และ 30% นำเข้าเป็นไก่ชำแหละ ไก่แปรรูป
นายคึกฤทธิ์กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกผลิตภัณฑ์ไก่ในปี 2565 คาดว่ามีปริมาณ 940,000 ตัน ขยายตัว 1% เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา คิดเป็นมูลค่า 108,000 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ปีนี้ผู้ส่งออกต้องเผชิญต้นทุนที่ปรับตัวสูงขึ้น จากค่าขนส่งในตลาดหลักโดยเฉพาะสหภาพยุโรป และข้อติดขัดเรื่องการตรวจสอบโควิดของตลาดจีน ซึ่งอาจจะทำให้มูลค่าตลาดดังกล่าวลดลง แต่จะมีออร์เดอร์จากตลาดซาอุฯมาทดแทน รวมไปถึงการมองโอกาสการส่งออกไก่ไปยังตลาดอียูทดแทนยูเครน